เหรียญ Binance BNB หรือ ไบแนนซ์ คอย เป็นสกุลเงินดิจิทัลชนิดหนึ่งในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เปิดตัวในปี 2017 โดยผู้สร้าง คือ “ไบแนนซ์” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่หลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี BNB เป็นโทเค็น (Token) ที่แต่เดิมทำงานบนฐานระบบบล็อกเชนของ Ethereum และ ภายหลัง ไบแนนซ์ มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาใช้ระบบบล็อกเชนของตนเอง คือ “Binance Chain” หรือ BEP2 ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับการสร้าง Token ต่าง ๆ แทน Blockchain อื่นๆ และอำนวยความสะดวกในการประมวลผลการซื้อขายที่รวดเร็ว และ ยังมีความกระจายศูนย์ ทำให้มีความปลอดภัย และ น่าเชื่อถือ
เหรียญ Binance BNB คืออะไร
เหรียญ BNB เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงในระบบของกระดานเทรดชื่อดังระดับโลก “ไบแนนซ์” หรือ อีกนัยหนึ่ง BNB คือ สกุลเงินดิจิทัลในห่วงโซ่ของ ไบแนนซ์ นั่นเอง โดยเหรียญ BNB สามารถนำไปใช้ได้ดังนี้
- ใช้ในการจ่ายค่าธรรมเนียมบนกระดานเทรดของ Binance
- ใช้ในการแลกเปลี่ยน หรือ ซื้อ “โทเค็น” ที่จะมีการลิสต์ขายในกระดานเทรดของ Binance ได้
- นำไปซื้อสินค้า หรือ บริการจากร้านค้าต่างๆ ที่มีการรับชำระเป็นเหรียญ BNB ซึ่งมีอยู่มากมาย
- ใช้เป็นค่าธรรมเนียมในกระดานเทรดของ Binance Decentralized Exchange
จุดเริ่มต้นของ เหรียญ Binance BNB
- เหรียญ BNB เริ่มมาจากการเปิดตัวโดยมีการกำหนดขายแบบ ICO (Initial Coin Offering) ในช่วงวันที่ 26 มิถุนายน – 3 กรกฏาคม 2017 รวมระยะเวลาเปิดขายล่วงหน้าทั้งหมดเพียง 11 วัน ก่อนที่จะมีการเปิดตัวกระดานเทรด ไบแนนซ์ ในเวลาต่อมา
- มีการกำหนดเรตราคาของเหรียญอยู่ที่ 1 ETH : 2,700 BNB หรือ 1 BTC : 20,000 BNB
- ระบบของ BNB ขับเคลื่อนด้วยระบบ ERC-20 บนบล็อกเชนของ Ethereum
- เหรียญมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 200 ล้านเหรียญ โดยมีการแบ่งขายเหรียญในรอบ ICO อยู่ที่ 100 ล้านเหรียญ
- ทางกระดานเทรดจะมีการ “เผาเหรียญทิ้ง” (ส่วนนี้เก็บจากค่าธรรมเนียมในกระดานเทรดที่ Binance ได้กำหนดไว้) สิ่งนี้จะส่งผลให้ BNB มีจำนวนจำกัดลดลงเรื่อยๆ แต่ด้วยคุณสมบัติของมันจะส่งผลให้เกิด demand – supply ที่ไม่สมดุล ทำให้ราคาของเหรียญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2020 ไบแนนซ์ ได้ประกาศพัฒนา ไบแนนซ์ chain หรือ ระบบบล็อกเชนของตัวเองขึ้นมา รวมถึงมีการรับแลกเหรียญ BNB แบบเดิมที่ทำงานอยู่บนระบบ ERC-20 ของบล็อกเชน Ethereum เปลี่ยนเป็นเหรียญที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนของ ไบแนนซ์ เองโดยตรงในอัตราส่วนที่รับแลก 1:1 เหรียญ นั่นแปลว่า เหรียญ BNB ตัวใหม่นี้ถือเป็นเหรียญประจำ Binance chain โดยสมบูรณ์นั่นเอง
เหตุผลที่ BNB น่าจับตามองเป็นพิเศษ
Binance ได้เปิดตัวโปรเจกต์ใหม่อย่าง Binance NFT Marketplace สดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นแพลตฟอร์ม NFT สร้างขึ้นสำหรับงานศิลปะต่างๆ ภายใต้ แคมเปญ 100 Creators ที่รวมศิลปินกว่า 100 คนทั่วโลก 1 ในนั้นมีศิลปินคนไทยก็คือ “ปาล์ม Instinct” ร่วมด้วย
ซึ่งเปิดให้นักลงทุนสามารถเข้าไปประมูล และ ซื้อ-ขายผลงาน NFT ได้ที่แพลตฟอร์มของ Binance และ แน่นอนว่าทุกการทำธุรกรรมบน Binance จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็น BNB ดังนั้นการเปิดตัว NFT Marketplace ในครั้งนี้ “ถือเป็นผลดีต่อ BNB ที่จะทำให้ความต้องการเหรียญนั้นเพิ่มมากขึ้นไปพร้อมๆ กับมูลค่าที่อาจสูงขึ้นก็เป็นได้เช่นกัน”
ข้อแตกต่างระหว่าง BNB กับ Bitcoin
- เมื่อพูดถึงการซื้อขาย Bitcoin นักเทรดควรตระหนักเสมอว่ากำลังซื้อขายอยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนไหนอยู่ ไม่ใช่ทุกที่จะวางใจได้ และ มั่นคงเท่ากัน BNB จดทะเบียนใน Binance ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก
- รวมศูนย์กับกระจายศูนย์ Bitcoin มีการซื้อขายอยู่ทุกที่ และ อ่อนไหวต่ออิทธิพลที่หลากหลาย BNB อยู่ในที่แห่งเดียว ทำให้มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ภายนอกน้อยกว่า แต่มีความอ่อนไหวสถานการณ์ภายใน Binance มากกว่า
- BNB เป็นสกุลเงินใหม่ที่เปิดตัวในปี 2017 ในทางกลับกัน Bitcoin มีประวัติที่ยาวนาน และ ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว โดยเปิดตัวเป็นครั้งแรกย้อนกลับไปในปี 2009
- จำนวนเหรียญ Bitcoin มีการกำหนดไว้อย่างเข้มงวดที่จำนวน 21 ล้าน BNB กำหนดจำนวนเหรียญไว้ที่ 200 ล้าน ซึ่งหมายความว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จำนวนเหรียญ BNB อาจมีปริมาณรวมมากกว่า Bitcoin ได้
สรุป
การเป็น Exchange อันดับ 1 อย่าง ไบแนนซ์ เป็นข้อได้เปรียบที่คนอื่นสู้ได้ยาก ไม่พอ ไบแนนซ์ ยังเป็นบริษัทที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และ ให้ความสำคัญกับเหรียญ BNB ของตนเองอย่างมาก เรียกได้ว่าออกแบบมาได้ดีจริงๆ เหรียญ BNB Coin หรือ เหรียญที่ได้รับความนิยมบนเว็บเทรด ไบแนนซ์ สามารถนำมาลดค่าธรรมเนียมในการเทรดได้ นำมาเก็งกำไร และ สุดท้ายในอนาคตจะสามารถนำมาใช้บนเว็บเทรด Binance Chain ได้
ขอบคุณแหล่งอ้างอิง บิตคับ