สมุนไพรไทยลดความอ้วน อยากมีรูปร่างดีต้องออกกำลังกายพร้อมควบคุมอาหารไปด้วย แต่ตัวช่วยดี ๆ อย่างการกินสมุนไพรก็ช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้ร่างกายได้มากขึ้น รู้สึกอิ่มนานขึ้น เป็นการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีโดยไม่ต้องอดอาหาร แถมยังมีสรรพคุณทางยาบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงขึ้นอีกต่างหาก ดีขนาดนี้ งั้นก็รีบมาดูกันเลยว่า สมุนไพรลดน้ำหนักมีอะไรบ้าง
ทราบกันหรือไม่ว่าความจริงแล้วสนุนไพรพื้นบ้านใกล้ๆตัวเรามีสรรพคุณช่วยในการลดไขมันในเส้นเลือด คอเรสตอรอล และ ช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยในร่างกายได้หลายอย่าง ข้อดีของการใช้สมุนไพร คือ มีผลข้างเคียง และ สารพิษน้องเนื่องจากมาจากธรรมชาติ ราคาถูก หาซื้อง่าย แต่อย่างไรก็ดี การใช้สมุนไพร หรือ ยาใดๆก็ตาม อย่าหมกมุ่น หรือ หวังพึ่งพามากจนเกินไป เพราะเรื่องน้ำหนักตัว และ ไขมันส่วนเกินนั้นมาจากการใช้ชีวิตที่เร่งรีบไม่ดูแลตัวเอง ขาดความเอาใจใส่ในการเลือกรับประทานอาหาร และ การออกกำลังกาย ถ้าดูแลเรื่องดังกล่าวได้ก็ไม่จำเป็นต้องมียา หรือ สนุนไรอะไรมาช่วยเลย
สมุนไพรไทยลดความอ้วน ใบย่านาง
ย่านาง เป็นไม้เลื้อย พบขึ้น ตามป่าผลัดใบ ป่าดงดิบ และ ป่าโปร่ง ทุกภาค ของประเทศไทย มีสรรพคุณเฉพาะ ทั้งต้นปรุงเป็นยาแก้ไข้กลับ ใบเป็นยาถอนพิษการช่วยถอนพิษ แก้ไข้ และ ลดความร้อนในร่างกายได้ อีกทั้งยังเป็นพืชที่ให้แคลเซียม และ วิตามินซีค่อนข้างสูง และ ยังให้สารอาหารอื่นๆ เช่น ฟอสฟอรัส เหล็ก และ วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 และ เบต้า-แคโรทีน หากกินทั้งใบก็จะมีเส้นใยมาก ส่วนรากของใบย่านางช่วยถอนพิษ แก้ไข้ แก้เมารถ เมาเรือ แก้โรคหัวใจ และ แก้ลมได้ด้วย ขอแถมให้อีกนิด หากนำน้ำใบย่านางมาสระผม จะช่วยทำให้ผมดกดำ ชลอผมหงอกได้อีกต่างหาก
มีความเชื่ออยู่ว่าน้ำที่ต้มกับใบย่านางสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ก้ยังไม่มีงานวิจัยใดๆออกมายืนยันผลมีเพียงการทดลอง และ บอกต่อๆกันเท่านั้น มีสูตรลดความอ้วนด้วยใบย่างนางมีมากมายหลายสูตร และ สูตร ที่ทำง่ายๆ และ ได้ผลดีได้แก่ วิธีเอา “ย่านาง” ทั้งต้น มีขายตามแผงขายพืชผักพื้นบ้าน ตามตลาดสดทั่วไป เป็นกำ กำละ 5-10 บาท ใช้ทั้งกำล้างน้ำให้สะอาดต้มน้ำท่วมยาจนเดือด ดื่มขณะอุ่น 3 เวลาก่อน หรือ หลังอาหารก็ได้ ครั้งละ 1 แก้ว ต้มกินจนยาจืด ทำกินเรื่อยๆจะช่วยให้น้ำหนักค่อยๆลดลงได้ แต่ไม่ใช่ลดแบบฮวบฮาบ เมื่อน้ำหนักอยู่ ในระดับที่ต้องการแล้ว จะหยุดกินก็ได้ ข้อสำคัญต้องควบคุมอาหารด้วยจะได้ผลดี และ เร็ว ไม่ว่าคุณจะใช้สมุนไพรตัวใดเพื่อลดน้ำหนักก็ตาม ควรจะปฏิบัติควบคู่ไปกับการกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และ ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลดีขึ้น อย่าจดจ่อกับการใช้สมุนไพรอย่างเดียว เพราะการกินแค่สมุนไพรอาจจะทำให้คุณขาดสารอาหาร และ เสียชีวิตได้ จึงโปรดใช้วิจารณญาณในการใช้ด้วย
ดอกคำฝอย
มักจะนำมาทำเป็นชาที่เรารู้จักกันดีว่าชาดอกคำฝอย มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด บำรุงเลือด ขับเหงื่อ และ เป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่าย ปัจจุบันนำมาใช้ในการลดความอ้วนด้วยการชงดื่ม สรรพคุณของดอก รสหวานร้อน เป็นยาขับระดู บำรุง ประสาท บำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต แก้ดีพิการ ขับเหงื่อ ใช้ระงับประสาท บำรุง โลหิต แก้ไขข้ออักเสบ แก้หวัดน้ำมูกไหล เกสร รสหวานร้อน บำรุงโลหิตระดู และ แก้แสบร้อนตามผิวหนัง เมล็ด รส หวานเย็น เป็นยาถ่าย ขับเสมหะ แก้โรค ลมเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก น้ำมันจากเมล็ด รสร้อน แก้อัมพาต แก้ฝี แก้ขัดตามข้อ และ ลดไขมันในเส้นเลือด
สมุนไพรไทยลดความอ้วน กะเพรา
แม้จะเป็นผักที่คนไทยนิยมสั่งมารับประทานเวลาที่นึกไม่ออก แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า กะเพรา มีสรรพคุณอะไรบ้าง ที่เห็นชัดๆ เลยก็ คือ ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลมช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้องอุจจาระ ส่วนน้ำสกัดทั้งต้น สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้ผง หรือ ฝุ่นที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้งๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการได้ด้วย และ สรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็ คือ ช่วยขับไขมัน และ น้ำตาล เคยสงสัยบ้างไหมล่ะ ทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และ น้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง กะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทานกะเพราแล้วจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่ผิดนัก
ตำลึง
ผักพื้นบ้านริวรั่วคู่ครัวไทย ที่คนไทยใช้ยอด และ ใบตำลึงกินเป็นผักสด อาจนำไปต้ม หรือ ลวกจิ้มกับน้ำพริก ใช้ปรุงในแกงต่างๆ เช่น แกงจืด แกงเลียง ต้มเลือดหมู ก๋วยเตี๋ยวหมูตำลึง นำไปผัดตำลึงไฟแดง หรือ ใส่ในไข่เจียว ผลอ่อนของตำลึงกินกับน้ำพริกคล้ายแตงกวา หรือ ดองกินคล้ายแตงดองได้ เนื้อในผลสุกของตำลึงมีรสอมหวาน กินได้ อุดมด้วยสารกลุ่มแอนโทไซยานินที่ต้านอนุมูลอิสระ และ ดูแลผนังหลอดเลือดให้ อ่อนนิ่มใช้งานได้ยืนยาว ใบตำลึงเป็นอาหารที่มีบีตาแคโรทีนสูงมาก องค์การอาหาร และ สิ่งแวดล้อมเพื่อชนกลุ่มน้อยระบุว่า ตำลึงเป็นพืชที่มีบีตาแคโรทีนที่ดีที่สุดสำหรับชาวไทยภูเขา บีตาแคโรทีนเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา ป้องกันไฟเบอร์ของเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ ด้วยแสง ป้องกันการเกิดต้อ บีตาแคโรทีนเป็นสารที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ จัดเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด ดังนั้น ที่กล่าวกันว่า “ตำลึงบำรุงสายตา” ก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
นอกจาก นี้ บีตาแคโรทีนเป็นสารต้านออกซิเดชันลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ยับยั้งการทำลายของออกซิเจนเดี่ยว และ อนุมูลเปอรอกซิลอิสระ เชื่อว่าเป็นสารต้านมะเร็ง โดยเสริมประสิทธิภาพของเซลล์นักฆ่า (natural killer cell) ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ซ่อมแซมสารพันธุกรรมได้ ใยอาหารจากตำลึง สามารถดูดจับสารพิษในระบบทางเดินอาหารได้ดีกว่าผักที่มีในท้องตลาดทั่วไป พบว่าการกินตำลึงจะสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้การดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้านของไทยเชื่อว่า การกินตำลึงจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยให้เอายอดตำลึงประมาณครึ่งกำมือ โรยเกลือพอให้มีรส ห่อใบตอง นำไปเผาไฟให้สุก กินก่อนนอนติดต่อกัน ๓ เดือน กล่าวว่าน้ำตาลในเลือดก็จะลดลง
กระเทียม
สำหรับคนไทยแล้ว กระเทียมถูกใช้เป็นผัก และ อาหารมากกว่าด้านอื่น อาจกล่าวได้ว่าในครัวของคนไทยจะขาดกระเทียมไม่ได้เลยเพราะเอกลักษณ์ของอาหารไทยสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ แกง และ น้ำพริกนั้น ล้วนแต่มีกระเทียมเป็นเครื่องปรุงสำคัญทั้งสิ้น
สรรพคุณด้านยาของกระเทียมนั้นมีมากมายมหาศาลจริงๆ ในที่นี้จะยกมาเป็นตัวอย่างเฉพาะที่มีการทดลองยืนยันผลในประเทศไทยแล้ว เท่านั้น หากผู้อ่านสนใจอาจหาหนังสือที่มีผู้เขียนถึงกระเทียมเป็นเล่มโดยเฉพาะได้ใน ท้องตลาด ซึ่งจะบรรยายถึงสรรพคุณทางยา และ วิธีการใช้กระเทียมไว้อย่างละเอียด ในที่นี้จะยกมาแต่สรรพคุณบางอย่างเท่านั้น เช่น แก้กลาก เกลื้อน หิด แก้ความดันเลือดสูง ลดไขมัน และ โคเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันผนังหลอดเลือดหนา และ แข็งตัว ใส่แผลสด และ แผลเป็นหนอง แก้คออักเสบ แก้ปวดหู แก้ทอนซิลอักเสบ แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ แก้ขัดเบา รักษาวัณโรค รักษาปอดบวม รักษาโรคลำไส้ ท้องเดิน อาหารไม่ย่อย แก้บิด รักษาไข้หวัด และ ไข้หวัดใหญ่ ขับเสมหะ รักษาโรคไอกรน แก้หืด และ โรคหลอดลมอักเสบ ไอเรื้อรังแก้ธาตุพิการ จุกเสียด แน่นท้อง ควบคุมโรคกระเพาะ ขับพยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย และ พยาธิตัวกลม แก้เคล็ดขัดยอก แก้เท้าแพลง แก้ปวดข้อ ปวดเมื่อย ปวดข้อมือ และ นิ้วมือ ต่อต่านเนื้องอก กำจัดพิษตะกั่ว และ โลหะหนัก แก้ปวดหัว และ ปวดหัวข้างเดียว ป้องกันผมหงอก แก้ตาต้อตาฟางตาเจ็บ รักษาริดสีดวงจมูก แก้ไซนัส แก้รำมะนาด แก้ปวดฟัน แก้เลือดกำเดาไหล แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้สิวแก้หูด แก้ลมพิษผื่นคัน แก้ช้ำใน ขับประจำเดือน แก้โรคเท้าเปื่อย ป้องกันการติดเชื้อในการเดินทาง เป็นยาระบาย แก้ไข้ ฯลฯ
กระเจี๊ยบแดง
หลายคนนำใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารแล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คือ ส่วนกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว (LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย ทั้งนี้การนำกระเจี๊ยบมาทำเป็นเครื่องดื่มควรระวังเรื่องปริมาณน้ำตาลที่ใช้ด้วย เนื่องจากเมื่อกระเจี๊ยบมีรสเปรี้ยวมาก ก็ต้องปรุ่งให้หวานเป็นเงาตามตัวเพื่อให้รสชาติดีดื่มง่ายขึ้นนั้นเอง
สมุนไพรไทยลดความอ้วน เม็ดแมงลัก
เม็ดแมงลักเป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้อาการได้ดีมาก ช่วยลดความอยากอาหารเพราะว่า เม็ดแมงลักสามารถพองตัวได้มากถึง 45 เท่า ปลอดภัยต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กและ หรือว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งท้อง ข้อแนะนำก่อนทานเราต้องแช่น้ำเอาไว้สัก 20 นาทีเพื่อให้เม็ดแมงลักพองตัวเต็มที่ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะไปพองตัวในกระเพาะอาหาร และดูดซึมน้ำจากร่างกายเราเข้าไป ทำให้เกิดอาการท้องผูก
บุก
อีกหนุ่มสารอาหารที่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่ามีสรรพคุณที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากภายในบุกมีสารที่เรียกว่ากลูโคแมนแนน (Glucomannan) อันมีลักษณะเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่เมื่อร่างกายรับเข้าไปแล้วจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ส่งผลให้คุณรู้สึกอยากทานน้อยลง เนื่องจากกลูโคแมนแนนจะเข้าไปชะลอการดูดซึมกลูโคสไปยังหล่อเลี้ยงการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายทำให้มีความต้องการพลังงานน้อยลงนั่นเอง นอกจากนั้น บุกยังมีส่วนประกอบที่เป็นกากใยอาหารช่วยในการขับถ่ายและขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีอีกด้วย
ส้มแขก
ส้มแขกมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลภายในร่างกาย รวมทั้งปรับระดับน้ำตาลในระบบไหลเวียนโลหิตให้สมดุล ตลอดจนช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินที่เกาะอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผ่านการทำงานของกรดไฮดรอกซีซิตริก (HCA) อันมีส่วนยับยั้งไม่ให้กลูโคสที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างกายจากกระบวนการเปลี่ยนเป็นพลังงานไม่กลายเป็นไขมันหรือกล่าวในอีกนัยหนึ่งได้ว่าการทานส้มแขกเป็นประจำพร้อมกับการหมั่นออกกำลังกายสามารถช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักขึ้นง่าย ๆ นั่นเอง