เปิดบัญชีเทรดหุ้นออนไลน์ สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเข้ามาในตลาดหุ้น การเปิดบัญชีเทรดหุ้นก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องเรียนรู้เพราะว่า เราจะได้เลือกว่าเราจะเปิดบัญชีเทรดหุ้นประเภทไหน เปิดขั้นต่ำเท่าไร มีโบรคไหนที่ให้บริการบ้าง ค่าธรรมเนียมในการเทรดหุ้นเป็นอย่างไร วันนี้ทางอินดี้จะมาแนะนำการเปิดบัญชีเทรดหุ้นต้องทำยังไง มีขั้นตอน และ การเตรียมเอกสารอะไรบ้าง และ ที่สำคัญจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไปถึงจะสามารถเปิดบัญชีได้
ขั้นตอนการ เปิดบัญชีเทรดหุ้นออนไลน์
- เลือกบริษัทหลักทรัพย์ที่ หรือ ที่เราเรียกกันว่า โบรคเกอร์ ที่ต้องการขอเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมีหลายบริษัทมาก อยู่ที่ว่าเราจะเลือกเปิดบัญชีกับโบรคฯไหน
- กรอกแบบฟอร์มขอเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ พร้อมกรอกแบบฟอร์มเพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น เอกสารคำขอให้หักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ ATS เป็นการหักบัญชีอัตโนมัติที่ร่วมกับธนาคาร อาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วยว่า โบรคที่เราเลือกจะเปิดใช้บริการมีการ ร่วมโครงการ ATS กับธนาคารไหนบ้าง
- เตรียมเอกสาร และ จัดส่งหลักฐานที่ใช้การเปิดบัญชี บางโบรคก็ให้ถ่ายรูปผ่านทางช่องทางออนไลน์ ก็แล้วแต่โบรคฯ ที่เราเลือก
- รอผลการพิจารณา (ประมาณ 1 สัปดาห์) จากนั้นจะได้รับ Username และ Password จากโบรกเกอร์เพื่อใช้ล็อคอินเข้าแอปพลิเคชัน Streaming โดยสามารถเข้าผ่าน PC หรือ ดาวน์โหลดผ่าน App Store หรือ Play Store เพื่อเข้าใช้งานบนมือถือ หรือ บางโบรคฯ ก็จะมี App อื่นๆในการวิเคราะห์หุ้นเพิ่มเติมให้ รายชื่อ โบรคเกอร์ที่ผ่านการรับรองโดยตลาดหลักทรัพย์มีรายละเอียดดังนี้ โบรกเกอร์ สามารถเลือกโบรคที่ชอบได้จากรายการของ SetTrade
ประเภทการ เปิดบัญชีเทรดหุ้นออนไลน์
บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ มีหลายประเภท โดยแบ่งออกเป็นรายละเอียด ที่จะอธิบาย ดังต่อไปนี้
บัญชีเงินสด (Cash Account)
บัญชีเงินสด เป็นบัญชีที่ต้องชำระค่าหลักทรัพย์เต็มจำนวนด้วยเงินสด โดยโบรกเกอร์จะพิจารณาอนุมัติวงเงินที่นักลงทุนจะสามารถ ใช้ซื้อหลักทรัพย์จากหลักฐานการเงิน แต่จะต้องฝากเงินเพื่อเป็นหลักประกัน (15%) ทั้งนี้จะต้องชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ซื้อหลักทรัพย์ซึ่งนักลงทุนสามารถโอนเงิน หรือ ตัดเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ (ATS) ส่วนในกรณีที่ขายหลักทรัพย์นักลงทุนจะได้รับชำระค่าขายหลักทรัพย์จากโบรกเกอร์ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ขายหลักทรัพย์
บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) กับการ เปิดบัญชีเทรดหุ้นออนไลน์
บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) เป็นบัญชีที่นักลงทุนสามารถซื้อหลักทรัพย์ได้เท่ากับจำนวนเงินที่นำมาฝากไว้กับทางโบรกเกอร์ก่อนการซื้อหลักทรัพย์ ทั้งนี้เงินฝากของนักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากตามอัตราที่โบรกเกอร์กำหนด
บัญชีเครดิตบาลานซ์ (Credit Balance Account)
บัญชีเครดิตบาลานซ์ (Credit Balance Account) เป็นบัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งต้องเสียอัตราดอกเบี้ยตามที่โบรกเกอร์กำหนด โดยนักลงทุนจะต้องวางเงินสด หรือ หลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นประกัน
บัญชีซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (Derivatives Trading Account)
บัญชีซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (Derivatives Trading Account) เป็นบัญชีสำหรับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภท Futures หรือ สัญญา Options ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ทั้งนี้ นักลงทุนต้องวางเงินหลักประกัน ก่อนการลงทุน และ อาจถูกเรียกหลักประกันเพิ่มหากระดับเงินประกันลดต่ำกว่าอัตราที่กำหนด
สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่การเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์แนะนำให้เปิดบัญชีแบบประเภท บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) จะดีกว่าเพราะหลักการพิจารณาจะผ่านง่ายกว่า และ ที่สำคัญค่าธรรมเนียมในการเทรดถูกกว่ามาก และ หากอนาคตเทรดเก่งแล้ว จะสามารถขยับไปเปิดบัญชีแบบอื่นได้อีก
สำหรับบางโบรคเกอร์การเปิดบัญชี บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) และ บัญชีซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (Derivatives Trading Account) สามารถเปิดพร้อมกันได้เลย ทำให้เกิดความสะดวกแก่ผู้เปิดบัญชี และ เงินขั้นต่ำในการลงทุน หรือ เงินฝากเข้าครั้งแรก คือ 5000 บาทก็สามารถเทรดหุ้นไทยได้เลย
หลักฐานที่ใช้ในการเปิดบัญชี
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ หรือ หนังสือเดินทาง บางโบรคหากเปิดออนไลน์ก็สามารถถ่ายรูปผ่านออนไลน์ได้เลย ไม่ต้องส่งเอกสารไปให้ทางโบรค อันนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกโบรคของเรา
- สำเนาทะเบียนบ้าน ข้อนี้ก็เหมือนกันบางโบรคให้เราอัพโหลดเอกสารผ่านทางเว็บไซต์ได้เลย
- สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีธนาคารหรือสำเนาสมุดเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งบางโบรคก็สามารถให้อัพโหลดผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้
- แบบคำขอให้หักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (ATS) บางโบรคก็ทำผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้
- ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท บางโบรคจะไม่คิดค่าอากรแสตมป์
ซื้อหุ้นขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม
ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยเราจะเรียกกันว่า Lot ซึ่งการกหนดราคาซื้อขายหุ้นจะเป็น Lot ละ 100 หุ้น หรือ อธิบายง่ายๆก็คือ ต้องเตรียมเงินให้พอสำหรับซื้อหุ้นตัวที่เราชอบจำนวน 100 หุ้น นั่นเอง แต่การซื้อหุ้น 100 ไม่ได้เสียเงินแค่ซื้อหุ้นที่ราคา 100 หุ้น โดยจะมีค่าธรรมเนียมที่โดนเรียกเก็บอีกด้วย โดยค่าธรรมเนียมในการซื้อ หรือ ขายหุ้น ที่เราจะต้องเสียมีรายละเอียดอธิบายดังต่อไปนี้ คือ
- การซื้อหุ้นขั้นต่ำที่สามารถซื้อได้คือ 100 หุ้น
- ค่านายหน้า 0.15%
- ค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ฯ 0.006%
- ค่าธรรมเนียมชำระราคา 0.001%
- รวมค่าธรรมเนียมประมาณ 0.157%
- ค่าธรรมเนียม VAT 7%
ซึ่งค่าธรรมเนียมโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 0.157% ในกรณีที่เราเทรดเองผ่านทางช่องทางออนไลน์ ส่วนกรณีเราไม่เทรดเองให้ทาง มาร์ ที่ดูแลบัญชีเทรดของเราทำการเทรดให้ หรือ ที่เรียกอีกอย่างว่าให้โบรคเทรดให้ จะเสียคาธรรมเนียมแพงกว่าค่าธรรมเนียมที่กล่าวมา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโบรคที่เราเลือกใช้นั่นแหละ
บางโบรคฯจะมีค่าธรรมเนียมในวันที่เทรดอีก เรียกกว่าค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในกาารเทรด ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ 50 บาทสำหรับบัญชีประเภท Cash Balance Account ซึ่งเราจะต้องศึกษาตรงนี้ให้ดีว่าโบรคที่เราจะเลือกใช้มีค่าธรรมเนียมตรงนี้ด้วยหรือไม่