ฮวงจุ้ยห้องนอนลูกชาย พลังงาน และ พัฒนาการของเด็กมีความแตกต่างจากของผู้ใหญ่ค่อนข้างมากการจัดห้องลูกรักตามหลักฮวงจุ้ยสำคัญมากต่ออนาคตของเค้าสำหรับลูกน้อยวัยกำลังโตควรเน้นพลังงานหยางเป็นหลักเพราะจะทำให้ลูกสดชื่นกระตือรือร้นพร้อมเปิดรับทุกการเรียนรู้อย่างสดใสตรงกันข้ามหากบรรยากาศบ้านนั้นอลหม่าน และ ตึงเครียดพลังงานด้านลบก็จะฝังลงไปในจิตใต้สำนึกอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
ฮวงจุ้ยห้องนอนลูกชาย
สำหรับการจัดแบ่งทิศที่ตั้งของห้องนอน คุณสามารถตัดสินได้โดยอิงจากทิศทั้งแปดของปากัว ที่ระบุไว้ว่า แต่ละทิศเป็นตำแหน่งทิศประจำของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว ดังนี้
- ทิศเหนือลูกชายคนกลาง
- ทิศใต้ลูกสาวคนกลาง
- ทิศตะวันออกลูกชายคนโต
- ทิศตะวันตกลูกสาวคนเล็ก
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ลูกสาวคนโต
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือลูกชายคนเล็ก
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือพ่อ
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้แม่
สีห้องที่สดใส จะกระตุ้นให้ลูกน้อยมีพลังในการเรียนรู้มากกว่าห้องที่ไร้สีสัน และ หากเขาโตพอ การปล่อยให้เขาได้เป็นคนเลือกสีสำหรับตกแต่งห้องเองก็ดีไม่น้อยเพราะเขาจะรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และ เกิดความภูมิใจที่ได้เป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
โดยสีเหลืองเป็นสีแห่งความสนุกสนานความฉลาดรอบรู้สดใสร่าเริง สีส้มเป็นสีแห่งความสร้างสรรค์ความกระตือรือร้น สีเขียวเป็นสีที่ให้ความรู้สึกร่มเย็นทำให้ประสาทตาผ่อนคลายจะช่วยให้หายเหนื่อย สีฟ้าเป็นสีที่ได้รับการยอมรับว่าจะช่วยให้นอนหลับได้ลึกที่สุด การนำสีมาใช้กับลูกนั้นอาจจะใช้ผ่านสีห้องข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้า
ไม่ควรมีภาพที่เร้าความรู้สึกตื่นเต้นน่ากลัว ไม่นำของเล่นประเภทดาบกระบี่ หรือ ของมีคมอื่นๆไว้ในห้องนอนยังไม่ควรมีคอมพิวเตอร์เครื่องเล่นเกมโทรทัศน์ของตกแต่งที่ดูน่ากลัวไว้ในห้องนอนลูก
หลีกเลี่ยงเตียงนอนสองชั้น เตียงแบบนี้เด็กที่นอนอยู่ด้านล่างจะมีพลังชี่กดทับทำให้พัฒนาการ และ การเติบโตของเด็กไม่เต็มศักยภาพ ส่วนเด็กที่นอนอยู่ด้านบนก็อาจจะอึดอัดได้เช่นกันหากฝ้าเพดานห้องนอนนั้นไม่สูงพอขอแนะนำให้เลือกที่นอนเป็นเตียงแบบทั่วไปจะดีกว่า
ตำแหน่งของเตียงนอน จะต้องเลี่ยงศรพิฆาตหมายถึงการเลี่ยงมุมแหลมต่างๆ ที่ทิ่มใส่ร่างกายของเด็ก หลีกเลี่ยงประตูห้องน้ำ และ บนหัวเตียงไม่ควรเป็นหน้าต่างเพื่อป้องกันความชื้นจากภายนอกทำให้ลูกเป็นภูมิแพ้ได้
ในส่วนของโต๊ะหนังสือ ควรอยู่ในมุมที่มองเห็นวิวได้ไกลด้วยการหันออกไปทางหน้าต่างเป็นการเกิดจินตนาการความคิดของลูกให้เต็มที่ไม่ควรหันหน้าเข้ากำแพง และ หันหลังให้ประตูเด็ดขาดเพราะจะทำให้ปิดกั้นจินตนาการของเด็กเสียสมาธิกลายเป็นเด็กสมาธิสั้นอีกด้วย
พลังงานประจำทิศหัวนอน พ่อแม่สามารถนำวันเดือนปีเกิดของลูกไปให้ซินแสผู้มีความรู้ทำการวิเคราะห์ดวงชะตาเพื่อจะได้รู้ว่าเด็กได้รับพลังงานในลักษณะใดในตอนเกิดหรือต้องส่งเสริมด้วยธาตุอะไรเพื่อปรับดวงชะตาให้เด็กประสบผลสำเร็จในชีวิต ซึ่งสามารถใช้ทิศการหันหัวนอนของเด็กเป็นการเติมพลังที่เด็กต้องการแบบเฉพาะเจาะจง
ฮวงจุ้ยเสริมการเรียน
เป้าหมายใหญ่สำหรับผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ คือ ต้องการเลี้ยงลูกให้เติบโต เป็นเด็กที่ฉลาด สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ในอนาคต แต่การจะไปให้ถึงเป้าหมายที่สำคัญนั้น จำเป็นต้องผ่านการเลี้ยงดูอย่างถูกวิธี เพื่อปลูกฝังให้ลูกน้อยเติบใหญ่เป็นเด็กที่ประสบความสำเร็จ เกล็ดความรู้ด้านฮวงจุ้ย ในหัวข้อ “ฮวงจุ้ยเสริมการเรียน” ที่สามารถช่วยกระตุ้นให้ลูกรัก เป็นเด็กขยัน เรียนเก่ง เรียนดี มีความใฝ่รู้ ชอบค้นคว้าหาข้อมูลอยู่เสมอ จะมีเทคนิคใดบ้าง
ความขี้เกียจของมนุษย์ เป็นเรื่องปกติที่ต้องพบเจอ ไม่ใช่เฉพาะคุณลูก แม้แต่คุณพ่อ คุณแม่ ต่างก็มีความขี้เกียจด้วยกันทุกคน แต่ความขี้เกียจที่มากเกินไป อาจส่งผลให้อนาคตของลูก ๆ ไม่สดใสตามที่ควรจะเป็น ครอบครัวไหนกำลังเจอวิกฤตินี้ มาวิเคราะห์กันดูว่า บ้านของเราเป็นต้นเหตุปัจจัยที่ทำให้ลูกขี้เกียจด้วยหรือไม่
บ้านแบบไหนส่งผลให้ลูกขี้เกียจเรียน
- บ้านมืด บรรยากาศขาดความตื่นตัว ง่วงเหงา หาวนอน
- บ้านรก สกปรก ทำให้รู้สึกหงุดหงิด ขวางหู ขวางตา ไม่น่าอยู่
- บ้านทึบ มองไปแล้วรู้สึกบีบตัน ขาดแรงจูงใจ ขาดความคิดสร้างสรรค์
3 ข้อนี้เป็นปัจจัยหลักที่อาจส่งผลกระตุ้นให้เกิดความขี้เกียจมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องสำรวจดูว่า บ้านของเรามี 3 สิ่งนี้อยู่หรือไม่โดยเฉพาะห้องนอน และ ห้องทำการบ้านของคุณลูกจะสำคัญกว่าห้องอื่น ๆ จะว่าไปแล้ว เรื่องราวของฮวงจุ้ยก็ไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับอะไรเลย ทุกสิ่งสามารถตอบคำถามทางวิทยาศาสตร์ได้ หลัก ๆ ให้ดู “หยิน หยาง” ต้องสมดุลต่อกัน คำว่าสมดุลในที่นี้ ไม่จำเป็นต้อง 50:50 แต่จำเป็นต้องดูโจทย์หลักก่อนว่า จะจัดฮวงจุ้ยเพื่อสิ่งใด เพราะการจัดเพื่อพักผ่อน กับ จัดเพื่อความขยัน การจัดจะแตกต่างกัน
หยิน หมายถึง ความสงบเย็น มืด หยุดนิ่ง หากดูจากสัญลักษณ์ในภาพ คือ สีดำ
หยาง หมายถึง ความสว่าง ตื่นตัว เคลื่อนไหว เจริญเติบโต ในภาพ คือ สีขาว
ตัวอย่างการแบ่งสัดส่วน หยิน หยาง เช่น หากจัดฮวงจุ้ยให้รีสอร์ทจะเน้นการพักผ่อน สถานที่ควรมีพลังหยินมากกว่าพลังหยาง แต่หากจัดฮวงจุ้ยให้ออฟฟิศ ร้านค้า สำนักงานจะเน้นพลังหยางมากกว่าพลังหยิน ฮวงจุ้ยแต่ละแห่งจึงต้องแตกต่างกันไปตามแต่ความต้องการหลักของสถานที่นั้นๆ
ก่อนจะเลยเถิดไปไกล ขอกลับเข้าเรื่องมาดูปัญหาคุณลูกขี้เกียจเรียนกันต่อ วิธีการจัดห้องให้ลูกขี้เกียจ จำเป็นต้องเพิ่มพลังหยางมากระตุ้น เพื่อให้เกิดความตื่นตัว ตามตัวอย่างต่อไปนี้ (เลือกเฉพาะที่จัดได้ ไม่ต้องถึงขั้นทุบรื้อบ้าน)
7 เทคนิค ฮวงจุ้ยเสริมการเรียน
- ห้องนอนหรือห้องทำการบ้านต้องสว่าง มีแสงเข้าถึง หากทำเลไหนอากาศดี ๆ แนะนำให้เปิดช่องหน้าต่างเพื่อรับอากาศธรรมชาติ
- อุณหภูมิภายในห้องต้องไม่เย็นจนเกินไปแต่ก็ไม่ร้อนจนกระทั่งให้หงุดหงิดใจ
- โต๊ะทำการบ้านหันหลังให้ผนัง และ หันหน้าไปทางหน้าต่าง ยิ่งหากหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศใต้ได้ยิ่งดี เนื่องด้วยทิศตะวันออกเป็นธาตุไม้ สัญลักษณ์ของการเติบโต ส่วนทิศใต้ เป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟ ช่วยให้เกิดความตื่นตัวอยู่เสมอ
- หากมองจากแปลนรวมของบ้าน แนะนำให้ห้องนอนลูก อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออก หรือ ทิศใต้ ควรเลี่ยงทิศเหนือ
- หากไม่สามารถนำแสงสว่างจากธรรมชาติได้ ให้เพิ่มสว่างด้วยหลอดไฟมาทดแทน ควรเลือกแสงสีขาว และ เลี่ยงใช้แสงวอร์มสีเหลือง
- สีทาห้อง ควรเลือกโทนสว่าง เช่น สีขาว, สีครีม ควรหลีกเลี่ยงห้องสไตล์ Loft โดยเฉพาะผนังปูนขัดมัน จะมีพลังหยินมากเกินไปครับ
- ม่านควรเป็นม่านขาวบาง หลีกเลี่ยงการใช้ม่านทึบ เพราะลูกอาจปิดม่านโดยที่พ่อแม่ไม่อาจรู้ ม่านขาวบางจะมีแสงสว่างเข้าอยู่เสมอแม้จะปิดม่านก็ตาม
สิ่งที่ควรไม่ควรทำในห้องนอนเด็ก
ห้องนอนคือห้องที่มีความสำคัญมากที่สุดห้องหนึ่งในบ้าน เพราะส่วนใหญ่เราจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้นานกว่าห้องไหนๆ ในส่วนของห้องนอนเด็กก็เช่นเดียวกัน การจัดฮวงจุ้ยของห้องนอนลูกเพื่อส่งเสริมในเรื่องของพลังชีวิต โชคลาภ และการป้องกันสิ่งไม่ดี จึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่ไม่ควรทำในห้องนอนของลูกๆ
- ขนาดของห้องนอนเด็ก ห้องนอนเด็กควรมีขนาดความกล้วงที่กำลังพอดี ไม่กว้างมากจนเกินไป เพราะห้องนอนที่มีเด็กนอนอยู่คนเดียว แต่กว้างมากๆ จะทำให้เด็กรู้สึกถึงความอ้างว้าง รวมถึงตามความเชื่อของคนจีนจะถือว่าคนในห้องจะกลายเป็นคนที่มีนิสัยไม่รู้จักพอเอาได้
- เตียงเด็กไม่ควรหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก กรณีนี้เหมือนกับของห้องนอนผู้ใหญ่ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก เพราะตามความเชื่อของหลายประเทศทิศตะวันตกเกี่ยวข้องกับความตาย ทางที่ดีควรหันหัวของเตียงเด็กไปทางทิศตะวันออก หรือ หากไม่ได้ก็ให้หันไปทางทิศอื่นๆแทน แต่ห้ามหันหัวไปทางห้องน้ำเด็ดขาด
- ตำแหน่งการวางเตียง สิ่งที่ควรระวังอีกอย่างคือตำแหน่งการวางเตียงในการวางเตียง ไม่ควรทำตั้งเตียงเด็กไว้กลางห้อง เพราะนอกจากจะกีดขวางทางเดินแล้ว ยังไม่เป็นมงคลอีกด้วย หากห้องนอนเด็กมีคานก็ไม่ควรตั้งเตียงนอนไว้ใต้คาน รวมถึงการวางเตียงเด็กใต้หลอดไฟที่นอกจากจะดูแล้วทับร่างกายอึดอัด หลอดไฟก็มีทั้งแสง และ ความร้อนที่รบกวนการนอนของเด็ก และ ไม่ควรวางเตียงเด็กไว้ใกล้ทางออก เนื่องจากเด็กจะถูกรบกวนจากภายนอกได้ง่าย
- จุดของกระจก กระจกในห้องนอนเด็กอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่หากพ่อแม่อยากเอามาติดตกแต่งเพื่อให้ห้องนอนเด็ดดูกว้างขึ้น ก็ไม่ควรติดไว้ใกล้กับเตียงเด็ก หรือ ปลายเตียง เพราะเชื่อว่าไม่เป็นมงคล รวมถึงไม่ควรติดกระจกบานใหญ่ และ ติดในจุดที่ตํ่า เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- เครื่องใช้ไฟฟ้า ในทางไสยศาสตร์ห้องนอนเด็กไม่ควรมีเครื่องไฟฟ้า เพราะมีพลังที่ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายเด็ก เชื่อว่าจะทำให้เด็กเจ็บไข้ได้ป่วย หรือ มีปัญหาในการนอน ขณะที่ในทางวิทยาศาสตร์เองก็บอกเหมือนกันว่าเครื่องไฟฟ้าหลายชนิดจะมีการส่งคลื่นแม่เหล็กออกมารบกวนการนอนของคนในห้อง ทำให้นอนหลับได้ไม่สนิท
- สัตว์ในห้องนอนเด็ก ไม่ควรเอาภาพสัตว์ดุร้ายต่างๆที่มีความสมจริงมาไว้ในห้องนอนเด็ก เช่นเดียวกับพวกสัตว์สตัฟฟ์ แนะนำให้มีแค่ตุ๊กตาสัตว์หรือตัวการ์ตูนที่เป็นสัตว์น่ารักๆ เท่านั้น ก็ช่วยให้ห้องนอนเด็กของลูกๆ น่ารักไปได้อีกแบบเช่นกัน
สรุป ฮวงจุ้ยห้องนอนลูกชาย
การจัดห้องนอนให้ลูก สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือต้องคำนึงถึงสุขภาพของเขา การจัดห้องลูกอย่างผิดวิธี อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกน้อยได้อย่าง เช่น การได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ ห้องทึบหรืออับจนเกินไป มีของตกแต่งที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือเป็นภูมิแพ้ได้ง่าย หรือการเลือกใช้ของใช้ที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้ลูกนอนหลับไม่สนิทเป็นต้น
- ห้องนอนของลูกจะต้องระบายอากาศได้ดี โล่ง โปร่ง เพื่อให้ลูกได้รับอากาศที่บริสุทธิ์และออกซิเจนอย่างเพียงพอนั่นเอง
- มีแสงส่องเข้าอย่างเพียงพอ แสงแดดอ่อน ๆ จะช่วยกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ ที่หมักหมมอยู่ในห้องนอนเด็กได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับเด็กได้อีกด้วย
- พื้นห้องต้องปลอดภัย เด็กๆ มักจะเล่นซนเสมอ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะมีลื่นหกล้มบ้างเป็นธรรมดา แต่ทั้งนี้ก็ควรปลอดภัยไว้ก่อนด้วยการทำให้พื้นห้องมีความปลอดภัยอยู่เสมอ
- เลือกเตียงนอนอย่างถูกหลัก ควรเน้นไปที่ความแข็งแรง ปลอดภัย และเตียงควรมีความนุ่มสบาย ขนาดกว้างอย่างพอเหมาะ เพื่อให้ลูกสามารถพลิกตัวไปมาได้อย่างสบายไม่ต้องกลัวตกเตียง
- หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่มีเหลี่ยมคม ป้องกันลูกวิ่งชนให้บาดเจ็บ