หุ้นกับคริปโตต่างกันอย่างไร อีกหนึ่งคำถามที่คาใจนักลงทุนรุ่นใหม่ และ ผู้ที่เพิ่งเข้ามาในวงการคริปโต หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินมาว่า “ถ้าอยากลงทุนให้ไปเล่นหุ้น” แต่เมื่อวงการคริปโตเคอร์เรนซี เริ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มมีการแนะนำให้ไปลงทุนในคริปโตแทน ดังนั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่าระหว่างหุ้น และ คริปโตเคอร์เรนซี ในเชิงของการลงทุน มีจุดที่เหมือนกัน และ จุดที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
หุ้นกับคริปโตเหมือนกันอย่างไร
การซื้อขายหุ้น หรือ สินทรัพย์ดิจิตอล ล้วนมีการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขาย หรือ ที่เรียกว่า Exchange, Broker หรือ แพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ แพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายหุ้น หรือ คริปโตส่วนใหญ่จะมีลักษณะเหมือนกัน คือ มีกลไกอุปสงค์อุปทานตลาด เนื่องจากราคาหุ้น และ คริปโตเคอร์เรนซีถูกขับเคลื่อนตามกลไกราคาตลาด ราคามีการเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วยความต้องการซื้อ และ ขายของผู้ลงทุน, สภาพคล่อง การซื้อขายสินทรัพย์จำเป็นต้องมีสภาพคล่องเพราะจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ และ ประเภทคำสั่งซื้อขาย (Order Book) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- Market Order เป็นคำสั่งซื้อขายที่ราคาตลาด โดยจะเลือกราคาที่ใกล้เคียงกับราคา Bid หรือ ราคา Offer
- Limit Order เป็นการสร้างคำสั่งซื้อขาย ณ ราคาที่ต้องการได้เอง โดย Limit Order ที่ตั้งซื้อ ระบบจะจับคู่ซื้อทันที เมื่อราคาในตลาดตรงกับราคาลิมิตที่ตั้งไว้ และ Limit Order ที่ตั้งขาย ระบบจะทำการจับคู่ขายทันที เมื่อราคาในตลาดตรงกับราคาลิมิตที่ตั้งไว้
- Stop – Limit Order เป็นคำสั่งซื้อขายที่สามารถกำหนดราคาล่วงหน้า เมื่อราคาตลาดถึงเงื่อนไขราคาที่กำหนดไว้ ระบบจะสร้างคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติตามราคาที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตามในโลกคริปโตมีศูนย์ซื้อขายอีกรูปแบบหนึ่ง คือ Decentralized Exchange (DEX) เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบไร้ตัวกลางที่มีเพียง Market Order เท่านั้น และ ประเภทคำสั่งซื้อที่กล่าวไปข้างต้น (Market Order, Limit Order และ Stop – Limit Order) ยังคงมีบน Centralized Exchange (CEX)
หุ้นกับคริปโตต่างกันอย่างไร
จากที่ได้ทำความเข้าใจความคล้ายกันของทั้งสองสินทรัพย์กันไปแล้ว ดังนั้นมาดูกันว่าทั้งหุ้น และ คริปโตมีความแตกต่างกันยังไงบ้าง
- ความเป็นเจ้าของ เนื่องจากทั้งสองสินทรัพย์มีพื้นฐานที่ต่างกัน คือ บริษัทมีการออกหุ้นให้ซื้อขาย และ ผู้ที่เข้ามาซื้อมีสิทธิ์สามารถโหวตออกเสียง และ ได้รับเงินปันผล ในขณะที่คริปโตเคอร์เรนซีแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงโดยบริษัทสร้างเหรียญออกมาเพื่อให้นักลงทุน หรือ ผู้ใช้งานสามารถนำเหรียญไปใช้ประโยชน์ใน Ecosystem ของเหรียญนั้น และ ผู้ที่ถือครองเหรียญสามารถ Staking และ ได้รับสิทธิ์โหวตเสียง และ เสนอคำแนะนำให้แก่กลุ่ม Community นั้นได้
- เวลาซื้อขาย หุ้นส่วนใหญ่สามารถซื้อขายได้ในช่วงที่ตลาดหุ้นเปิดทำการเท่านั้น และ ปิดวันเสาร์ อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ในขณะที่ตลาดคริปโตสามารถเทรดได้ทุกวัน 24 ชั่วโมง และ ไม่มีวันหยุด
- การออกหุ้น หรือ คริปโตเคอร์เรนซี บริษัทสามารถออกหุ้นใหม่ได้โดยอยู่ภายใต้ข้อบังคับภายในบริษัท แต่การออกสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มจะขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท และ โดยทั่วไปจะไม่ขึ้นกับข้อกฎหมาย ซึ่งนอกจากนี้แล้วเหรียญคริปโตยังสามารถออกเหรียญได้ในจำนวนที่จำกัด หรือ จะลดจำนวนเหรียญลงโดยการเผาเหรียญ
- ผลตอบแทน ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลเป็นผลตอบแทนถ้าหากบริษัทนั้นมีผลประกอบการที่ดี และ ผลกำไรก็จะถูกแบ่งตามสัดส่วนหุ้นที่ถือหุ้น แต่ในคริปโตไม่มีเงินปันผล การให้ผลตอบแทนในโลกคริปโต คือ ผู้ถือครองเหรียญต้อง Staking เหรียญบนเครือข่ายเพื่อรับผลตอบแทน
- Trading Pair อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าการซื้อขายหุ้นด้วยเงิน Fiat สำหรับการซื้อขายคริปโตสามารถเลือกสกุลเงิน Fiat หรือ สกุลเงินดิจิทัลได้ เช่น ผู้ใช้งานสามารถเทรด Bitcoin ได้ด้วย BTC/USD, BTC/ETH, BTC/USDT เป็นต้น
- กฎเกณฑ์การซื้อขาย หุ้นมีกฎเกณฑ์การซื้อขาย Ceiling เป็นการกำหนดว่าหุ้นควรมีการซื้อขายภายในวันนั้นเพิ่มขึ้นไม่เกิน 30% ของราคาปิดวันก่อน และ Floor เป็นการกำหนดว่าหุ้นควรมีการซื้อขายลดลงไม่เกิน 30% ของราคาปิดวันก่อน ซึ่งคริปโตมีความแตกต่างกับหุ้นอย่างสิ้นเชิงเพราะราคาคริปโตไม่มีข้อจำกัดเหมือนกับหุ้น ราคาสามารถเพิ่มขึ้นลดลงได้มากกว่า 30% และ บางครั้งราคาคริปโตผันผวนเพิ่มขึ้นลดลงเกือบ 100% เลย
กรณีศึกษาคริปโตที่มีลักษณะคล้ายหุ้น
ตอนนี้บางแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศได้ออก Stock Token คือ การใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการออกเหรียญโทเค็นโดยอ้างอิงราคากับราคาหุ้น ซึ่งอาจจะมีการซื้อหุ้นมาอ้างอิงจริง ๆ และ ผู้ถือเหรียญ Stock Token จะได้รับเงินปันผลของหุ้นนั้น ๆ หรือ ถ้าไม่มีการนำหุ้นมาอ้างอิงแต่จะใช้ Stablecoin มาอ้างอิงให้มีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าหุ้นอ้างอิง และ ผู้ถือก็จะได้รับผลตอบแทนด้วยเช่นกัน สิ่งที่น่าสนใจก็ คือ การซื้อขาย Stock Token เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการซื้อขายหุ้นได้ง่ายขึ้น และ เป็นการซื้อขายหุ้นแบบเศษหุ้น หรือ Fractional Share แต่ผู้ถือจะไม่มีสิทธิ์ในการออกเสียงเหมือนผู้ถือหุ้นจริง สำหรับหุ้นที่นำมาอ้างอิงนั้นจะเป็นหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดต่างประเทศอย่าง NASDAQ เช่น หุ้น Apple, Facebook, Tesla, Google เป็นต้น
กล่าวโดยสรุป คือ สินทรัพย์ดิจิทัลมีความคล้าย และ ความต่างกับหุ้น สิ่งที่เหมือนกันอย่างชัดเจน คือ การซื้อขายสินทรัพย์ผ่านแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขาย หรือ โบรคเกอร์, กลไกราคาตลาด, สภาพคล่อง และ ประเภทคำสั่งซื้อขาย ส่วนที่แตกต่างกันหลัก ๆ คือ พื้นฐานของทั้งสองสินทรัพย์แตกต่างกัน, เกณฑ์ในการซื้อขาย, ระยะเวลาซื้อขาย, ผลตอบแทน และ อื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีเหรียญที่สามารถซื้อหุ้นได้ด้วยคริปโตซึ่งเรียกว่า Stock Token เป็นโทเค็นที่อ้างอิงกับหุ้น และ ได้รับเงินปันผลจากหุ้นนั้นอีกด้วย
สรุป หุ้นกับคริปโตต่างกันอย่างไร
ตามปัจจัยที่ยกมาด้านบน จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่าการลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้น และ ยังมีวิธีที่จะทำให้เงินที่ลงทุนนั้นงอกเงยแตกต่างกันค่อนข้างมาก หากมองอีกมุมหนึ่ง การที่คริปโตเคอร์เรนซีมีเหรียญใหม่ๆเกิดขึ้นบ่อย และ ราคามีความผันผวนที่สูงกว่าอาจเป็นโอกาสในการทำกำไรของนักลงทุนบางกลุ่ม แต่ก็ควรตระหนักเสมอว่าไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือ คริปโต การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นนักลงทุนต้องรู้จักประเมินกำลังทรัพย์ของตนให้ดี ศึกษา และ ทำความเข้าใจในสินทรัพย์นั้นๆก่อนจะตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ตาม การเลือกกระดานซื้อขายที่เชื่อถือได้ควรเป็นสิ่งแรกๆที่นักลงทุนควรพิจารณา สำหรับการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี
ตามปัจจัยที่ยกมาด้านบน จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่าการลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงที่สูงกว่าการลงทุนใน หุ้น และ ยังมีวิธีที่จะทําให้เงินที่ลงทุนนั้นงอกเงยแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยข้อดี และ ข้อเสียของการ ลงทุนในแต่ละสินทรัพย์สามารถแบ่งออกเป็นข้อๆได้ตามที่กล่าวมาแล้ว