สมุนไพรไทยแก้เหน็บชา อาการเหน็บชาเกิดขึ้นเมื่อมีแรงกดทับส่วนใดส่วนหนึ่งบนแขน หรือ ขา ทำให้เส้นเลือดไม่สามารถนำออกซิเจน และ น้ำตาลกลูโคสไปยังเนื้อเยื่อ หรือ เส้นประสาทได้ มีผล คือ เส้นประสาทไม่สามารถสื่อสัญญาณไปยังสมอง จึงทำให้เกิดความรู้สึกชา และ เจ็บจี๊ดเหมือนถูกเข็มแทง
ใครที่เป็นบ่อยๆ ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวแดง ข้าวโอ๊ต รำข้าว ตับ ไข่ มันเทศ เป็นต้น หากไม่หายควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ ใครที่เคยเป็นคงรู้ว่าช่วงเวลาที่เหน็บกินนั้น ทรมานแค่ไหน วิธีแก้ไขง่ายๆแนะนำให้นวดที่นิ้วโป้งเท้าข้างที่โดนเหน็บกิน โดยบีบแรงๆ จะสามารถบรรเทาอาการได้
สาเหตุของอาการชา มีอะไรบ้าง
วิตามินบี 1 (Vitamin B1) หรือ ไทอะมีน (Thiamine) มีหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน ทำให้เกิดพลังงานเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท ถ้าร่างกายได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอก็จะทำให้เป็นโรคเหน็บชาได้ (วิตามินบี 1 มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ไม่มีพิษตกค้าง ถ้าร่างกายได้รับมากเกินไปก็จะขับออกมาทันที)
- ปลายประสาทอักเสบ โรคเส้นประสาท เช่น ในโรคเบาหวาน
- เส้นประสาทถูกกดทับนานๆ เช่น การนั่งนานๆ
- โรคปวดหลังจากหมอนรองกระดูก โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- ภาวะร่างกายเสียสมดุลของเกลือแร่ ร่างกายขาดวิตามินบางชนิดโดยเฉพาะวิตามิน บี 2
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
- ดื่มสุราเรื้อรัง ติดบุหรี่ การได้รับสารพิษต่างๆเช่น แพ้อาหาร การแพ้ยาบางชนิด
- แมลงบางชนิดกัด ต่อย
- การได้รับโลหะหนักในปริมาณสูงจากอาหาร และ น้ำดื่มเช่น ตะกั่ว เมื่อเกิดอาการชา แขน ขา และ ใบหน้า ร่วมกับมีกล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆอ่อนแรงควร รีบไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน เพราะเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง
ลักษณะอาการของโรค
อาการชา หมายถึง อาการที่อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไม่สามารถรับความรู้สึกได้อย่างครบถ้วน หรือ ทำให้ความรู้สึกต่อการสัมผัสบางอย่างเสียไปชั่วขณะ เช่น การชาต่อความรู้สึกเจ็บ ชาต่อความรู้สึกสัมผัส ชาต่อความร้อนความเย็น หรือ ชาจนไม่รู้สึกอะไรเลย
อาการเหน็บ หมายถึง อาการเจ็บป่วยที่มีลักษณะเหมือน หรือ คล้ายกับอาการที่นั่งทับขาตนเองเป็นเวลานาน ๆ เช่น การนั่งพับเพียบเป็นเวลานาน ทำให้เท้าที่ถูกพับ และ ถูกทับเป็นเวลานานเกิดอาการเจ็บปวดและชา จนบางครั้งอาจอ่อนแรงจนเหยียดขาไม่ออก และ ลุกขึ้นไม่ได้
สมุนไพรไทยแก้เหน็บชา พริก
พริกแก้ปวดปลายประสาท สารแคปไซซิน สารแคปแซนทีน ลดอาการปวดต่างๆ สารที่ให้ความเผ็ดจะมีผลต่อระบบไหลเวียนของโลหิต สามารถลด และ ป้องกันการเพิ่มของระดับไขมันชนิดอันตราย หรือ คอเลสเตอรอลได้ และ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดหลอดเลือดแข็ง และ ลดการสะสมไขมันผิดปกติที่ผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ ทดแทนการใช้ยาลดไขมันในเลือดขนาด 40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวันได้
ขิง สมุนไพรไทยแก้เหน็บชา
ใช้ขิงช่วยย่อยอาหาร และ ช่วยแก้พิษ ใช้ขิงในการรักษาอัมพาต โรคปวดปลายประสาท และ โรคเก๊าท์ ชาวอาหรับโบราณใช้ในการกระตุ้นความกำหนัด ส่วนคนยุโรบใช้ขิงในการช่วยย่อย ช่วยรักษาอาการท้องอืดจากการดื่มเหล้า ช่วยขับลม ทั้งยังใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์ และ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
น้ำมันรำข้าว
จะช่วยสร้างเยื่อหุ้มปลายประสาท เปรียบเหมือน สายไฟที่ฉนวน ถลอก จึงเกิดการรั่วของกระแสไฟฟ้า เส้นประสาทก็เช่นกัน เมื่อเยื่อหุ้มถลอก ด้วยการกระแทก หรือ กดทับ นั่งนาน ยืนนาน หรือ ภูมิทำลายตัวเอง ก็เกิดการถลอกของเยื่อหุ้มประสาท เกิดกระแสรั่ว รับความรู้สึกไว เจ็บแปลบ จนกระแสรั่วไหลมาก กระแสไฟฟ้า ไปไม่ถึงปลายอวัยวะจึงเกิดการอ่อนแรง เมื่อไม่ขยับอวัยวะ แขน ขาก็เริ่มลีบ กลุ่มนี้มีอาการข้างเคียงเยอะมาก ง่าย คือ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จึงค่อยทรุดลง
สมุนไพรไทยแก้เหน็บชา ย่านาง
ย่านาง คือ สมุนไพรที่มีคนนิยมกันมากเพราะคุณสมบัติอันครอบจักรวาลของย่านาง แถมยังมีคุณสมบัติอันพิเศษแตกต่างไปจากสมุนไพรอื่นอีก คือ มีสารปรับสมดุลในร่างกาย เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น และ เป็นคลอโรฟิลล์สดจากธรรมชาติ ภูมิปัญญาชาวบ้านเชื่อกันว่ารากของเถาย่านางนั้นสามารถแก้ไข้ได้ อีกทั้งยังช่วยถอนพิษผิดสำแดง และ พิษอื่น ๆ ได้อีกมากมาย แก้เมาเรือ แก้เมาสุรา แก้โรคหัวใจ และ แก้ลม ใบย่านางก็ช่วยถอนพิษถอนไข้ได้อีก สรุปว่ามีประโยชน์ทั้งเถาทั้งใบทั้งราก
ย่านางเป็นยาเย็น นอกจากรักษาโรคเหน็บชาได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว เพราะมีวิตามินบี 1 อยู่ในใบย่านางมาก และ ยังสามารถรักษาโรคอื่น ๆ ครอบจักรวาลดังกล่าวแล้ว ส่วนที่นิยมกัน และ ยังคงอยู่ในกระแสการบริโภคน้ำย่านาง คือ การนำมาคั้นบีบแช่เย็น ซึ่งเชื่อกันว่ารักษาโรคได้มากมาย เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง อาการตกเลือดในมดลูก โรคเกาต์ โรคเชื้อราทำลายเล็บ อาการริดสีดวงทวาร หรือ เป็นผื่นคัน ในปริมาณที่มีผู้ดื่มรักษาโรคเป็นปริมาณสารสกัดน้ำที่ไม่เข้มข้นมากนัก
ข้าวกล้อง
ข้าวกล้องมีสารอาหารอยู่หลายชนิด กล่าวคือมีโปรตีนอยู่ประมาณ 7-12% (เฉพาะพันธุ์ข้าว) มีวิตามิน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และ วิตามินบีรวม ข้าวกล้องมีวิตามินบี 1 มากกว่าข้าวขาวธรรมดา 4 เท่า แต่สีข้าวการขัดสีข้าวกล้องจนขาวทำให้โปรตีนสูญเสียไป 30% ในข้าวกล้องงอกมี กรดอะมิโน และ ที่ได้จากงานวิจัยด้านสุขภาพ ระบุว่าข้าวกล้องงอกที่ประกอบด้วยสารกาบา มีผลช่วยลดความดันโลหิต ลด LDL (Low Density lipoprotein)
ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดน้ำหนัก ทำให้ผิวพรรณดี และ ใช้บำบัดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลางได้อีก สารกาบา ที่เกิดในข้าวกล้องงอก ( Gamma amino butyric acid) เป็นกรดอะมิโนจากกระบวนการ Decarboxylation ของ กรดกลูตามิก ( Gutamic acid) กรดนี้มีความสําคัญในการทำหน้าที่สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ในระบบประสาทส่วนกลาง และ สารกาบายังเป็นสารสื่อประสาทประเภทสารยับยั้ง (Inhibitor)
โดยจะทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ช่วยทำให้สมองผ่อนคลาย และ นอนหลับสบาย อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ (Anterior Pituitary) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (HGH) ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ และ เกิดสาร Lipotropic ป้องกันการสะสมไขมันจากการศึกษา และ วิจัยพบว่า การบริโภคข้าวกล้องงอกที่มีสารกาบามากกว่าข้าวกล้องปกติ 15 เท่า จะสามารถป้องกันการทำลายสมอง และ โรคสูญเสียความทรงจำ หรือ อัลไซเมอร์ได้ ดังนั้น จึงได้มีการนำสารกาบามาใช้ในวงการแพทย์เพื่อการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทต่าง ๆ หลายโรค เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก เป็นต้น หากสนใจเรื่องสมุนไพรอื่นๆ หรือ บทความเกี่ยวกับสุขภาพสามารถอ่านได้ที่หมวดบทความเพื่อสุขภาพ และ หากสนใจบทความสมุนไพรไทยบำรุงกำลัง สามารถอ่านได้ที่หัวข้อ สมุนไพรไทยบํารุงกําลัง เปิดสูตรบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย