สมุนไพรไทยรักษาฝี (Abscess, Boils หรือ Furuncles) คือ เนื้อเยื่อที่มีการติดเชื้อจนก่อให้เกิดต่อมบวมขึ้นกลัดหนองข้างใน (เป็นการอักเสบของต่อมไขมัน และ ที่ขุมขนของผิวหนัง) สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ และ การผ่าฝีเพื่อให้หนองไหลออกมา ซึ่งเมื่อมีฝีเกิดขึ้นก็ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล
ฝี เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือ รับประทานยาสเตียรอยด์เป็นประจำก็อาจเป็นฝีได้บ่อย ฝีส่วนใหญ่มักขึ้นเพียงหัวเดียว แต่ในบางรายอาจขึ้นหลาย ๆ หัวติดกันเรียกว่า “ฝีฝักบัว” (Carbuncles) แต่ถ้าเกิดฝีขึ้นที่บริเวณทวารหนักจะเรียกว่า “ฝีรอบทวารหนัก” (Perianal abscess) ส่วนขนาดของฝีมีได้แตกต่างกันไปตั้งแต่ขนาดเล็กเป็นมิลลิเมตรไปจนถึงขนาดใหญ่หลายเซนติเมตร โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเนื้อเยื่อ หรือ อวัยวะทั่วร่างกาย เช่น ผิวหนัง ตับ ไต ปอด และ สมอง
สาเหตุการเกิดฝี
โดยทั่วไปฝีเกิดจากเชื้อโรคได้หลายชนิด ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และ อะมีบา แต่ส่วนใหญ่แล้วฝีมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus) นอกจากนี้ยังอาจเกิดได้จากสิ่งแปลกปลอมภายนอกอื่น ๆ เช่น เศษวัสดุ กระสุน หรือ การถูกเข็มทิ่ม ฯลฯ และ ฝีอาจติดต่อได้โดยการสัมผัสถูกผู้ป่วยโดยตรง
ผู้ที่มีโอกาสเป็นฝีได้บ่อย ได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวาน เพราะภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะเป็นตัวสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ผู้ที่รับประทานยาสเตียรอยด์เป็นประจำ เพราะยาประเภทนี้จะไปกดระบบภูมิคุ้มกันที่คอยต่อต้านเชื้อโรค ผู้ที่มีปัญหาด้านโภชนาการ เช่น ขาดสารอาหาร โลหิตจาง เป็นความผิดปกติที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ จึงทำให้ติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าปกติ เป็นต้น
ลักษณะของฝี
ฝีเป็นกลุ่มหนองซึ่งเป็นซากของเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล (Neutrophil) ที่ตายแล้ว และ สะสมอยู่ภายในโพรงของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นกระบวนการของการติดเชื้อ การเกิดฝีนี้เป็นกระบวนการตอบสนองของเนื้อเยื่อในร่างกายต่อเชื้อโรคเพื่อกำจัดการแพร่กระจายไม่ให้แพร่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยจุลชีพก่อโรค หรือ สิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายจะมีการทำลายเซลล์ในตำแหน่งนั้น ๆ ทำให้เกิดการหลั่งสารพิษไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเลือดขาวจำนวนมากเข้ามาในบริเวณที่เชื้อโรคบุกรุก และ เกิดการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นมากขึ้น
โครงสร้างของฝีภายนอกนั้นจะประกอบไปด้วยผนัง หรือ แคปซูลล้อมรอบ ซึ่งเกิดจากเซลล์ปกติข้างเคียงที่มาล้อมเพื่อกำจัดไม่ให้หนองติดต่อไปยังส่วนอื่น ๆ แต่ผนังที่ล้อมรอบโพรงหนองอยู่นั้นอาจทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถเข้าไปกำจัดเชื้อแบคทีเรีย หรือ จุลชีพที่ก่อโรคในหนองนั้นได้
ฝีมีความแตกต่างจากหนองขัง (Empyema) ในแง่ที่ว่าหนองขังเป็นกลุ่มของหนองในโพรงที่มีมาก่อนอยู่แล้ว แต่ฝีเป็นโพรงหนองที่สร้างขึ้นมาภายหลังการติดเชื้อ
อาการของฝี
มักจะขึ้นเป็นตุ่ม หรือ เป็นก้อนนูน บวม แดง ร้อน และ ปวด กดถูกเจ็บ มีผม หรือ ขนอยู่ตรงกลาง เมื่อขึ้นใหม่ ๆ จะมีลักษณะแข็ง และตุ่มนี้จะขยายโตขึ้น และ เจ็บมาก ต่อมาจะค่อย ๆ นุ่มลง และ กลัดหนอง บางครั้งเมื่อฝีเป่งมาก ๆ อาจแตกเองได้ (หลังฝีขึ้นไม่กี่วัน หรือ ประมาณ 1-2 สัปดาห์) แล้วอาการเจ็บปวดจะทุเลาลงไป
ในบางครั้งอาจพบต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงอักเสบด้วย เช่น ถ้าเป็นที่ข้อมือ อาจมีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ ถ้าเป็นที่ฝ่าเท้าก็อาจมีอาการไข่ดัน (ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ) บวม และ ปวด เป็นต้น
ในรายที่เป็นฝีเพียงหัวเดียว อาการทั่วไปมักเป็นปกติ เมื่อหายแล้วมักกลายเป็นแผลเป็น ส่วนในรายที่เป็นฝีฝักบัว (ขึ้นหลายหัวติด ๆ กัน) อาจมีอาการไข้ และ อ่อนเพลียร่วมด้วย
สมุนไพรไทยรักษาฝี
มาเรียนรู้กันว่ามีสมุนไพรไทยตัวไหนที่ช่วยรักษาฝีได้บ้าง ดังรายละเอียดที่จะอธิบายไว้
ขมิ้นชัน สมุนไพรไทยรักษาฝี
เป็นสมุนไพรมากประโยชน์ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาฝีได้ ทั้งนี้เพราะในขมิ้นมีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบได้ดี และ ช่วยสมานแผลได้ดี ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ขมิ้นชันจะกลายเป็นพระเอกในการรักษาอาการป่วยนี้นั่นเอง
วิธีการใช้ คือ ให้ฝนเหง้าขมิ้นชันสดประมาณ 2 นิ้ว แล้วนำมาต้มสุก ก่อนจะนำไปทาบริเวณที่เป็น ฝี
ว่านหางจระเข้ สมุนไพรไทยรักษาฝี
ว่านหางจระเข้ เป็นต้นไม้ที่ใกล้เคียงกับยาสามัญประจำบ้านจริงๆ เพราะรักษาได้ตั้งแต่แผลน้ำร้อนลวกไปจนถึงการเป็นฝี โดยส่วนสำคัญก็หนีไม่พ้นวุ้นของใบว่านหางจระเข้ที่มีสารเคมีสำคัญในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และ ช่วยสมานแผลได้ เพราะฉะนั้น รีบปลูกต้นไม่มากประโยชน์ต้นนี้เอาไว้เลย
วิธีการใช้ คือ นำใบว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก และ ล้างยางออกให้หมด จากนั้นขูดเอาวุ้นมาพอกบริเวณฝี วันละ 3 ครั้ง ก็จะช่วยให้หายจากอาการนี้ได้
ใบบัวบก สมุนไพรไทยรักษาฝี
เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรยอดนิยมที่คนไทยนิยมนำมาบำรุงร่างกาย ในส่วนของการรักษาฝีก็ยิ่งหย่อนเลย เพราะในใบบัวบกมีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยสมานแผล รวมถึงการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง ฆ่าเชื้อรา และ ลดการอักเสบได้
วิธีการใช้ คือ นำบัวบกสดมาล้างให้สะอาด แล้วคั้นเอาแต่น้ำมาชโลมบริเวณที่เป็นฝี หรือ จะใช้กากที่คั้นเสร็จพอกด้วยก็ได้
ชุมเห็ดเทศ
ชื่อของสมุนไพรตัวนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคนสมัยใหม่เท่าไหร่นัก แต่ให้รู้ไว้เลยว่าสมุนไพรตัวนี้มีสารสำคัญ คือ แอนทราควิโนน ซึ่งมีรายงานการวิจัยกล่าวไว้ว่า สารสกัดจากใบของชุมเห็ดเทศสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และ มีฤทธิ์ต้านเชื้อราได้
วิธีการใช้ คือ นำใบ และ ก้านสด มาต้มกับน้ำ และ เคี่ยวให้เหือดเหลือน้ำประมาณ 1 ใน 3 จากนั้นนำไปใช้ล้างฝี เช้า เย็น วันละ 2 ครั้ง
เปลือกมังคุด
อย่าคิดว่าผลไม่จะอร่อยเพียงอย่างเดียว เพราะเปลือกของผลไม้บางประเภทกลับมีสารสำคัญบางตัวสูงเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่น เปลือกมังคุดนี้นี่เอง ที่อุดมไปด้วยสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการสมานแผล และ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นจึงช่วยลดสาเหตุของการเกิดหนอง และ ลดการอักเสบลงได้
วิธีการใช้ คือ ให้ใช้เปลือกผลมังคุดแห้งนำไปย่างไฟให้เกรียม แล้วนำมาฝนกับน้ำปูนใส ก่อนจะนำไปใช้พอกฝี
ฟ้าทะลายโจร
สมุนไพรชื่องาม และ เต็มไปด้วยสรรพคุณบำรุงกำลังตัวนี้มีสารสำคัญที่ช่วยลดการอักเสบของฝีที่คุณกำลังเป็นอยู่ได้ อีกทั้งยังช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดหนองได้ ทำให้ไม่เกิดการลุกลามของฝีนั่นเอง
วิธีการใช้ คือ ให้ตำใบฟ้าทะลายโจรให้แหละ แล้วนำมาพอกที่ฝี หรือ คั้นน้ำจากใบทาบริเวณฝีก็ได้
เทียนบ้าน
ใบเทียนบ้านเป็นมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราได้อย่างหมดจด และสารสกัดจากใบของเทียนบ้านก็ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังได้อย่างดีด้วย ดังนั้น จึงสามารถนำมาใช้รักษาฝีได้นั่นเอง
วิธีการใช้ คือ ตำใบสดและดอกสด เพื่อคั้นเอาแต่น้ำทาบริเวณที่เป็นฝี