Wednesday, 4 December 2024

ลดอาการภูมิแพ้ RHINOCORT AQUA 64

ลดอาการภูมิแพ้ ด้วย RHINOCORT AQUA 64 เป็นยาประเภท ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก โดยการพ่นเข้าไปในรูจมูก เพื่อลดอาการของคนที่เป็นโรค ภูมิแพ้ ซึ่งทางอินดี้เอง ก็มีอาการภูมิแพ้ จนไปหาหมอ และ หมอก็แนะนำให้ใช้ยา ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก วันนี้เลยมาแนะนำ ความรู้ และ การใช้ยาตัวนี้อย่างถูกวิธีกัน

ลดอาการภูมิแพ้

อยากที่เคยบอกไปว่าอินดี้เอง จะมีอาการเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ และ จะมีอาการเหมือนจะเป็นหวัด ตลอดเวลา มีอาการแสบคันในรูจมูก เป็นอย่างมาก ตั้งแต่อายุประมาณ 7 ขวบ จนถึงบันจุปัน จนวันหนึงมีคนแนะนำให้ไปหาหมอที่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือ ที่คนใต้เรียกกันติดปากว่า ม.อ. ซึ่งทำให้รู้จักยาพ่นจมูกตัวนี้มา และ ใช้มาจนอาการดีขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ไม่ค่อยได้ใช้ยาตัวนี้แล้ว เพราะใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ วิธีล้างโพรงจมูก ลดอาการภูมิแพ้ บทความนี้เขียนเพื่อให้คนเป็น โรคภูมิแพ้ ได้เข้ามาอ่าน และ ศึกษาเบื้องต้น โดยทางอินดี้ ก็แนะนำให้ไปหาหมอเฉพาะทางเลย อย่าซื้อยามากินเอง บทความนี้เพื่อมาแชร์การรักษาของทางอินดี้

ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก ลดอาการภูมิแพ้

ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (intranasal steroids) เป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่ที่เยื่อบุจมูกได้ดี และ มีผลต่อทั่วร่างกายต่ำ ได้เริ่มมีการนำยาสเตีรอยด์พ่นจมูกมาใช้รักษาโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (allergic rhinitis) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974

ยาสเตียรอยด์ ออกฤทธิ์โดยควบคุมการสังเคราะห์โปรตีน เมื่อพ่นยาสเตียรอยด์ เข้าไปในโพรงจมูก ยาสเตียรอยด์ จะผ่านเข้าไปในเซลล์ แล้วไปจับกับตัวรับสเตียรอยด์ แล้วเข้าไปนิวเคลียสของเซลล์ และ มีผลต่อการสังเคราะห์โปรตีน โดยยับยั้งเซลล์ และ การสร้าง และการหลั่งสารเคมี ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก จะลดปริมาณของเซลล์ที่เกี่ยวกับการอักเสบของเยื่อบุจมูก ทำให้ยับยั้งปฏิกิริยาการอักเสบภูมิแพ้ ทั้งระยะแรก (early-phase reaction) และร ะยะหลัง (late-phase reaction) และ ปฏิกิริยาที่เยื่อบุจมูกมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น (nasal hyperresponsiveness) มากกว่าปกติ

เมื่อเปรียบเทียบ ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก กับ ยาชนิดอื่นๆที่ใช้รักษาโรค จมูกอักเสบภูมิแพ้ พบว่ายาสเตียรอยด์พ่นจมูก เป็นยาที่ประสิทธิภาพมากที่สุดในการบรรเทาอาการต่างๆของโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ เนื่องจากยาสเตียรอยด์พ่นจมูกสามารถลดอาการคัดจมูก, น้ำมูกไหล, คัน และ จามได้ดี ซึ่งในแนวทางการพัฒนาการตรวจรักษาโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ในคนไทย (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) แนะนำให้ใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ที่มีอาการคงที่ หรือ มีความรุนแรงปานกลางถึงมาก เนื่องจากผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ที่มีอาการคงที่ หรือ มีความรุนแรงปานกลางถึงมาก มีโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ (เช่น ไซนัสอักเสบ, ผนังคออักเสบ หรือ เจ็บคอเรื้อรัง, หลอดลมอักเสบ หรือ ไอเรื้อรัง หรือ โรคหืด, ริดสีดวงจมูก, หูชั้นกลางอักเสบโดยเฉพาะในเด็ก, ภาวะมีน้ำขังในหูชั้นกลาง, จมูกไม่ได้กลิ่น, นอนกรน และ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ) มากกว่าผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ที่มีอาการเป็นช่วงๆ หรือมีความรุนแรงน้อย 

แนวทางการพัฒนาการตรวจรักษา โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ในคนไทย (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554)ได้ให้คำแนะนำสำหรับการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์พ่นจมูกว่า ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมอาการของโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ มีความปลอดภัยสูงในขนาดยาที่ใช้ในการรักษา ควรเลือกใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกเป็นอันดับแรกในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ที่เป็นชนิดคงที่ และ อาการปานกลางถึงรุนแรง หรือ มีอาการคัดจมูกมาก ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในเด็กอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 2 ปี แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังภายใต้ข้อบ่งชี้ และ หยุดยา เมื่อหมดความจำเป็น การให้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก มีประสิทธิภาพในการรักษามากกว่าการใช้ยาต้านฮิสทามีนร่วมกับ antileukotrienes

แนวทางการรักษาโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ที่ออกโดยประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2015 ได้แนะนำให้แพทย์ใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกรักษา เมื่ออาการของโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประจำวันของผู้ป่วย

ดังนั้น การเลือกใช้ยาสเตียรอยด์ พ่นจมูกขึ้นอยู่กับปัจจัยของตัวโรคเอง, ปัจจัยเกี่ยวกับผู้ป่วย และ ปัจจัยเกี่ยวกับผู้จ่ายยา ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ในปัจจุบัน โดยสรุปผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ควรใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกก็ต่อเมื่อ ประโยชน์จากการใช้ยาดังกล่าว มากกว่าอัตราเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ผลข้างเคียงของยาสเตียรอยด์พ่นจมูกนั้นน้อยมาก และ การใช้ยาดังกล่าวในระยะยาว ค่อนข้างปลอดภัย ถ้าใช้อย่างเหมาะสม ขอบคุณบทความจาก RCOT

คำแนะนำการใช้ “ยาพ่นจมูก” ลดอาการภูมิแพ้

  • ถ้ามีน้ำมูกควรสั่งน้ำมูกออกก่อน หรือ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือให้เรียบร้อย
  • เปิดฝาครอบ และ เขย่าขวดในแนวดิ่งทุกครั้งก่อนใช้ยา กรณีที่เพิ่งซื้อยาพ่นจมูกมาใหม่ ตั้งขวดยาให้ตรงแล้วลองกดให้ยาพ่นออกมาในอากาศเป็นละอองฝอย 2-3 ครั้ง เพื่อเป็นการกดไล่อากาศ
  • วางนิ้วชี้ และ นิ้วกลางลงบนบริเวณไหล่ขวดยา และ ใช้นิ้วหัวแม่มือวางอยู่ที่ก้นขวด
  • ค่อยๆ ใส่ส่วนปลายของยาพ่นจมูกเข้าไปในโพรงจมูก โดยให้ปลายชี้ไปทางหัวตาข้างเดียวกันกับรูจมูก ซึ่งการเอียงปลายยาพ่นจมูกก็เพื่อให้ยาไปสัมผัสกับเยื่อบุจมูกที่อยู่ด้านข้างของโพรงจมูกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และ เพื่อป้องกันไม่ให้ยาพ่นจมูกเข้าไปที่ผนังกั้นช่องจมูกที่อยู่ตรงกลาง เพราะอาจเกิดผลข้างเคียง อย่าง ผนังกั้นช่องจมูกเป็นแผลและมีเลือดกำเดาไหลได้
  • กดยาพ่นจมูกอย่างเร็ว และ แรงเพื่อให้ยากระจายออกมาเป็นลักษณะละอองฝอย
  • ทำซ้ำขั้นตอนเดิมกับจมูกอีกข้าง กรณีที่แพทย์สั่งให้พ่นจมูกข้างละ 2 ครั้ง ควรพ่นจมูกข้างละ 1 ครั้ง จนครบ 2 ข้างก่อน แล้วจึงกลับมาพ่นจมูกซ้ำครั้งที่ 2
  • ทำความสะอาดขวดยาพ่นจมูกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้งแล้วครอบฝาปิด

ยาพ่นจมูก ลดอาการภูมิแพ้ อันตรายหรือไม่

เพราะโรคจมูกที่ต้องรักษาด้วย ยาพ่นจมูกกลุ่ม สเตียรอยด์ มักเป็นโรคกลุ่มเรื้อรัง ทำให้ต้องใช้ยาพ่นติดต่อกันเป็นเวลานาน จึงเกิดความกังวลว่าการใช้ยาพ่นจมูกติดต่อกันนานๆ นั้นจะส่งผลอันตรายได้หรือไม่? ซึ่ง นพ.ดาวิน เยาวพลกุล แพทย์เฉพาะทางประจำคลินิก หู คอ จมูกและเชี่ยวชาญการรักษามะเร็งช่องปาก ได้อธิบายว่า. “สำหรับยาพ่นจมูกกลุ่มสเตียรอยด์ถือได้ว่าเป็นยาในกลุ่มสเตียรอยด์ที่ปลอดภัยค่อนข้างมาก เพราะเป็นยาใช้เฉพาะที่และดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้น้อยมาก แต่อย่างไรก็ตามควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และใช้อย่างถูกวิธี”

เพราะยาทุกชนิดอาจส่งผลข้างเคียงได้ หากใช้โดยไม่จำเป็น และ ใช้อย่างผิดวิธี ดังนั้น ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างตรงจุด ก่อนโรคจะลุกลามจนร้ายแรงกว่าที่คิด!

ขอขอบคุณบทความ โรงพยาบาลพญาไท

ลดอาการภูมิแพ้ RHINOCORT AQUA 64

ยานี้เป็นยาพ่นรูจมูกที่ทางอินดี้ใช้งาน เน้นว่าอินดี้ไปหาหมอ และ หมอได้แนะนำให้ใช่ยาตัวนี้ ใครที่เป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรัง แนะนำให้ไปหาหมอก่อน เพราะแต่ละคน หมอก็จะต้องจัดยาแต่ละประเภทตามลักษณะอาการ ส่วนยาตัวนี้อินดี้ได้นำรายละเอียดของยามาให้อ่านกัน

รูปแบบยา

  • สเปรย์พ่นจมูก

ยานี้ใช้สำหรับ

  • ยานี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการจมูกอักเสบ คัดแน่นจมูก และ น้ำมูกไหล ที่มีสาเหตุจากไข้ละอองฟาง (มีสาเหตุจากการแพ้สารพวกละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง หรือ สารอื่นในอากาศ) และ อาการแพ้อื่นๆ
  • ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรค หรือ อาการอื่นๆได้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

วิธีการใช้ยา

วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน

  • ยานี้ใช้สำหรับพ่นเข้าในรูจมูกเท่านั้น โดยปกติใช้วันละ 1-2 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยอาจขอให้เภสัชกรหรือแพทย์อธิบายหรือสาธิตวิธีการใช้ยาด้วย ห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ ห้ามใช้ยานี้ร่วมกับผู้อื่น และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • ห้ามใช้ยานี้หากท่านมีอาการโพรงไซนัสอักเสบ เลือดออกในจมูก หรือได้รับการผ่าตัดภายในจมูกในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้
  • ยานี้ใช้สำหรับรักษาอาการในจมูกเท่านั้น ถ้ามีอาการแพ้อื่นๆ ก็อาจจำเป็นต้องได้รับยาอื่นร่วมด้วย ทั้งนี้ หลังจากเริ่มใช้ยาแล้วอาการอาจดีขึ้นใน 24 ชั่วโมง แต่อาจต้องใช้เวลาหลายวันจึงจะได้ผลจากยาสูงสุด และควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรหากอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ ห้ามหยุดใช้ยานี้เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
  • ก่อนเริ่มใช้ยาหลังจากเปิดขวดยาครั้งแรก ให้กดพ่นยาในอากาศเพื่อไล่อากาศในท่อของขวดยาพ่นออกให้หมดก่อน
  • ขั้นตอนในการพ่นยา ได้แก่ 1) เป่าลมออกทางจมูกเบาๆ ก่อนจะพ่นยาครั้งแรก 2) เปิดฝาครอบยาพ่นออกและเขย่าขวดยาพ่นก่อนการพ่นแต่ละครั้งทุกครั้ง 3) ตั้งศีรษะให้ตรง ปิดจมูกข้างหนึ่งไว้แล้วสอดปลายขวดยาพ่นเข้าในรูจมูกอีกข้างหนึ่ง 4) กลั้นลมหายใจและกดพ่นยาเข้าไปในจมูก 5) ทำซ้ำตามขั้นตอนที่ 3) และ 4) เพื่อพ่นจมูกอีกข้างหนึ่ง 6) หลังจากใช้ยาพ่นจมูกเสร็จแล้ว ให้ทำความสะอาดปลายขวดยาพ่นด้วยน้ำร้อนและใช้กระดาษชำระเช็ดให้แห้ง แล้วปิดฝาครอบไว้เหมือนเดิม

สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ

  • ประวัติแพ้ยา budesonide ยาสเตียรอยด์ หรือยาอื่นๆ
  • ใช้หรือกำลังจะใช้ ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ใช้สำหรับอาการแพ้และโรคหืด) วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพร
  • มีหรือเคยมีโรควัณโรค เริม หรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ต้อหิน เบาหวาน กลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing syndrome) มีอาการเจ็บที่จมูก เลือดกำเดาไหล มีการผ่าตัดหรือการบาดเจ็บของจมูก
  • เนื่องจากการใช้ยานี้อาจมีผลทำให้ผู้ใช้ยามีความไวต่อการติดเชื้อมากขึ้น ดังนันจึงควรหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนที่เป็นโรคสุกใส หรือโรคหัด
  • ตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • หากท่านกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด หรือการทำทันตกรรมใดๆ ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าท่านกำลังใช้ยานี้อยู่

ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา 

  • โดยทั่วไปถ้าลืมใช้ยา ให้ใช้ยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับการใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามไปใช้ยาในครั้งต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

อาการไม่พึงประสงค์ทั่วไป

อาการไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ มีดังนี้ อาการแห้ง ระคายเคือง หรือเป็นแผลไหม้ในจมูก ปากแห้ง เจ็บคอ เสียงแหบ ไอเพิ่มมากขึ้น มีเลือดกำเดาไหลเป็นบางครั้ง

อาการไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที

มีดังนี้ อาการเจ็บจมูกอย่างรุนแรง มีเลือดออกในจมูกบ่อยๆ อาการแสดงของการแพ้ยา เช่น แน่นหน้าอก หายใจหรือกลืนลำบาก บวมบริเวณลิ้น ริมฝึปาก เปลือกตา หรือหน้า ผื่นคัน ผื่นลมพิษ หรืออาการหายใจหวีดเนื่องจากหายใจขัด (wheezing) มีฝ้าขาวในคอ ปาก หรือจมูก ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เป็นสิวอย่างรุนแรง

การเก็บรักษายา

  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 20-25 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ

เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่คุณ รวมถึงเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงตามความสนใจของคุณมากที่สุด ถ้าคุณยังใช้งานต่อไปโดยไม่ปฏิเสธคุกกี้ เราจะเก็บคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้น ทั้งนี้ คุณสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายการใช้คุกกี้

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save