Saturday, 23 November 2024

ฤกษ์งามยามอุบากอง

ฤกษ์งามยามอุบากอง

ฤกษ์งามยามอุบากอง ศาสตร์โบราณที่สอดคล้องกับความเชื่อของคนไทยสมัยก่อน ซึ่งมักจะถือฤกษ์งามยามดีก่อนเดินทางออกจากบ้าน ในปัจจุบันก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยึดถือยามอุบากอง พร้อมสอนวิธีอ่านยามอุบากองอย่างถูกต้อง สมัยโบราณทั้งชาวไทย และ ชาวพม่านิยมสักยันต์นี้ไว้ที่แขน ขา หรือ ที่หน้าอก เพื่อใช้ดูฤกษ์ยามได้สะดวก

บทความนี้ เราจะขอเชิญคุณมาศึกษาเทคนิคการดูฤกษ์งามยามดีด้วยศาสตร์โบราณยามอุบากอง และ ทำความเข้าใจกับศาสตร์โบราณนี้

ฤกษ์งามยามอุบากอง คืออะไร

ยามอุบากอง คือ ฤกษ์ยามที่คนไทยสมัยโบราณ นิยมใช้ตรวจดูฤกษ์ยามก่อนเดินทางออกจากบ้าน โดยเชื่อว่าหากเลือกเวลามงคล ก็จะประสบความสำเร็จ แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ และ อันตรายทั้งปวง แต่หากเลือกเวลากาลกิณี ก็จะประสบโชคร้าย หรือ อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

ยามอุบากอง จะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายยันต์ ทำให้บางครั้งเรียกกันว่า “ยันต์อุบากอง” แบ่งออกเป็นช่องต่างๆ โดยในแต่ละช่องก็จะกำกับไว้ด้วยสัญลักษณ์รูปวงกลม และ กากบาท ในอดีตเคยมีเรื่องเล่าว่า ชาวพม่าเคยใช้ยามอุบากองในการแหกคุก ทำให้หลายคนรู้จักในชื่อ “ยามพม่าแหกคุก” บางครั้งความเชื่อเกี่ยวกับยามอุบากอง จึงครอบคลุมไปถึงเรื่องยันต์คงกระพัน และ ยันต์สะเดาะกลอนด้วย

โดยปัจจุบันยามอุบากองถูกนำไปใช้ในการดูฤกษ์ของหลายๆ สิ่ง เช่น

  • ฤกษ์ออกเดินทาง
  • ฤกษ์ออกรถ
  • ฤกษ์นำเสนอขายงาน
  • ฤกษ์เข้าพบลูกค้า
  • ฯลฯ

ประวัติ ฤกษ์งามยามอุบากอง

ประวัติความเป็นมาของยามอุบากอง เล่าสืบต่อกันมาว่า เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) ซึ่งแต่ละเรื่องเล่าก็จะมี ปี พ.ศ. ที่แตกต่างกันเล็กน้อย บางตำราว่าเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2338 บ้างก็ว่า พ.ศ. 2350

โดยในสมัยนั้นพระเจ้ากรุงอังวะของพม่า สั่งให้แม่ทัพใหญ่ยกไพร่พลมาหลายกองทัพ หวังจะตีเมืองเชียงใหม่ แต่พระเจ้ากาวิละ เจ้านครเชียงใหม่ ปกป้องเมืองไว้ได้ ทำให้กองทัพพม่าล่าถอยไปล้อมเมืองไว้โดยรอบ รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรฯ นำทัพเสริมไปช่วยเมืองเชียงใหม่ และ สามารถตีกองทัพพม่าได้สำเร็จ

ทางฝั่งไทยได้จับตัวแม่ทัพพม่าคนหนึ่งมาเป็นเชลยศึก โดยระหว่างที่ให้ทุกคนถอดเสื้อรวมตัวกัน ก็สังเกตเห็นยันต์บนแผงอกของแม่ทัพพม่า มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งออกเป็นช่องต่างๆ ถามความจึงทราบว่าแม่ทัพคนนี้ มีชื่อว่า “อุบากอง” เป็นผู้คิดยันต์ขึ้นเอง ผู้คุมจึงสั่งให้ลอกยันต์ พร้อมแปลเป็นภาษาไทย

นอกจากนี้ อุบากองยังบอกว่าเขาเป็นคนไทย ที่ถูกพม่ากวาดต้อนไปเป็นเชลยศึก พร้อมกับบิดา เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310) เขาจึงถูกส่งตัวไปสอบสวนที่พระนคร และ พบว่ามีญาติที่เป็นคนไทยอยู่จริงๆ อุบากองจึงได้เผยเรื่องราชการของกรุงอังวะ พร้อมได้รับพระราชทานทรัพย์เพื่อไปตั้งตัว ทำให้ยันต์อุบากองเริ่มเป็นที่แพร่หลายในหมู่ชาวไทยตั้งแต่นั้น

ภายหลังอุบากองอวดอ้างฤทธิ์ ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อว่าเป็นผู้มีคาถาอาคม จนบูชาเป็นผู้วิเศษ จึงถูกจับคุมขังที่คุกวัดโพธิ์ แต่ปรากฏว่าเขาสามารถสะเดาะโซ่ตรวน และ หลบหนีกลับพม่าได้ ทำให้มีเสียงเล่าลือว่ายันต์อุบากองมีความศักดิ์สิทธิ์ และ ใช้ตรวจจับดูฤกษ์ยามได้ คนไทยโบราณจึงยึดถือยามอุบากองเป็นศาสตร์ทำนายในการเดินทาง และ ส่งต่อความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

วิธีอ่าน ยามอุบากอง

การอ่านยามอุบากองวันนี้ สามารถดูเวลาได้จากตาราง ซึ่งจะต้องอ่านเทียบกับบทกลอน ที่คนไทยสมัยก่อนบอกเล่าสืบต่อกันมา โดยให้สังเกตวัน และ เวลาที่ต้องใช้ออกเดินทาง ว่าตรงกับสัญลักษณ์ใดในตาราง

ฤกษ์งามยามอุบากอง
ยามอุบากอง

หากเป็นสัญลักษณ์วงกลม (●) จะเรียกว่า “ศูนย์” ส่วนเครื่องหมายกากบาท (x) ก็นำมาพิจารณาประกอบด้วยเช่นกัน ซึ่งบทกลอนบทนี้ ได้ให้ความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ ไว้ ดังนี้

  • ศูนย์หนึ่งอย่าพึ่งจร แม้ราญรอนจะอัปรา
  • สองศูนย์เร่งยาตรา จะมีลาภสวัสดี
  • ปลอดศูนย์พูลสวัสดิ์ ภัยพิบัติลาภบ่มี
  • กากบาทตัวอัปรีย์ แม้จรลีจะอัปรา
  • สี่ศูนย์จะพูนผล แม้จรดลดีหนักหนา
  • มีลาภล้นคณนา เร่งยาตราจะมีชัย

ความหมาย

  • ศูนย์ 1 ตัว = อย่าเพิ่งออกเดินทาง อันตราย จะทำสิ่งใดก็พ่ายแพ้
  • ศูนย์ 2 ตัว = ฤกษ์ดี ให้รีบออกเดินทาง จะมีโชคลาภมงคล
  • ไม่มีศูนย์ = ฤกษ์ปกติ ไร้โชค ไร้เคราะห์ ใช้ออกเดินทางได้
  • กากบาท = ฤกษ์อัปมงคล ห้ามออกเดินทางโดยเด็ดขาด
  • ศูนย์ 4 ตัว = ฤกษ์ดี ออกเดินทางได้ ประสบความสำเร็จ

สรุป

ยามอุบากอง เป็นยามดี และ ชั่ว ประจำเวลาในวันหนึ่งๆ ที่นิยมว่าเป็นยามที่เที่ยงตรง มาแต่โบราณกาล บางท่านจึงนับถือยามอุบากอง เป็นยามบอกเวลาออกจากบ้านทุกครั้ง แต่ก็อย่ายึดถือมากไป จนบางครั้งกลับเสียประโยชน์ เพราะมัวแต่ชักช้าดูฤกษ์ดูยามไม่ทันการ

ยามอุบากองนั้นถูกใช้อยู่บ่อยครั้งเพื่อดูฤกษ์ในการออกเดินทาง ให้สามารถขับขี่ได้ปลอดภัยไม่เจอกับภยันตราย แต่ทั้งนี้การดูฤกษ์เองก็เป็นความเชื่อ และ วิจารณญาณส่วนบุคคล จึงควรพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย แต่ยามอุบากองเองก็ไม่ใช่เครื่องรับประกันว่าคุณจะไม่เกิดอุบัติเหตุ อย่าลืมคุ้มครองตัวเองยามเกิดอุบัติเหตุด้วย

บทสวดมนต์พระคาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สวดแล้วรวย เสริมมงคลชีวิต พระคาถามหามงคลศักดิ์สิทธิ์ที่ตกทอดมาจากลังกา โดยท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เป็นผู้ค้นพบในคัมภีร์โบราณ และ ได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นจนเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ที่ได้สวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำ จะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตัวเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม และ ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่าง ๆ ทั้งปวง


เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่คุณ รวมถึงเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงตามความสนใจของคุณมากที่สุด ถ้าคุณยังใช้งานต่อไปโดยไม่ปฏิเสธคุกกี้ เราจะเก็บคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้น ทั้งนี้ คุณสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายการใช้คุกกี้

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save