สีปัสสาวะบอกโรค ถ้าปัสสาวะลูกมีสีเปลี่ยนไป อาจเป็นสัญญาณบอกว่าลูกน้อยของคุณกำลังเป็นโรคเกี่ยวกับ ระบบทางเดินปัสสาวะ และ หากร้ายแรงกว่านั้น อาจกำลังเป็นโรคไตอยู่ได้ โดยปกติปัสสาวะจะมีสีเหลืองใส แต่ถ้าอยู่ๆ สีก็เปลี่ยนไป นั่นเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีแล้ว แล้วสีของปัสสาวะของลูกแบบไหนที่ คุณแม่ ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ วันนี้ทางอินดี้จะนำเสนอบทความ เกี่ยวกับสีปัสสาวะของลูกน้อยของเรากันว่า ลูกฉี่ออกมาแต่ละสี มีความหมายว่าอย่างไร เราคนเป็นพ่อ แม่ จะต้องทำอย่างไร
สีปัสสาวะบอกโรค กับ ปัสสาวะสีเข้ม
ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม หรือ อ่อน ขึ้นอยู่กับปริมาณนม และ น้ำที่ดื่มเข้าไป หากดื่มนม และ น้ำมาก ปัสสาวะก็จะมีสีเหลืองใส แต่ถ้าดื่มน้อยก็จะมีสีเหลืองเข้ม ยิ่งมีสีเข้มมากๆ รวมกับอาเจียน หรือ ท้องเสีย แสดงว่าร่างกายของลูกน้อยเกิดภาวะขาดน้ำ หรือ เกิดภาวะติดเชื้ออยู่ ต้องรีบพาไปพบคุณหมอ
ปัสสาวะสีขุ่น และ มีกลิ่นเหม็นฉุน
แสดงว่าลูกน้อยของคุณพ่อ คุณแม่ อาจมีการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ ควรพาไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
สีปัสสาวะบอกโรค กับ ปัสสาวะมีเลือดปน
เป็นสัญญาณว่าลูกติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ หรือ อาจเป็นโรคไตอักเสบ โรคไตชนิดอื่น หรือ เป็นโรคนิ่ว ในกรณีที่ปัสสาวะแล้วมีเลือดปนออกมาด้วย แสดงว่ามีอาการค่อนข้างรุนแรง ดังนั้น ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อเข้ารับการรักษา นอกจากจะสังเกตลักษณะสีของปัสสาวะแล้ว คุณแม่ ต้องคอยสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวลาปัสสาวะแล้วลูกร้องไห้โยเย พร้อมกับมีไข้สูง อาจมีอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
ลูกน้อยติดเชื้อได้อย่างไร
การติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เรามาดูกันว่ามีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ที่ทำให้ลูกน้อย ของคุณพ่อ คุณแม่ ติดเชื้อได้
- เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย คือ มีไต กรวยไต หรือ ท่อไตผิดปกติ
- ชอบกลั้นปัสสาวะ บางครั้งเกิดจากการที่ลูกกลัวการเข้าห้องน้ำ ไม่กล้าเข้าห้องน้ำคนเดียว จึงกลั้นไว้ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
- ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั้งวัน ทั้งคืน ทำให้เกิดการอับชื้น มีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้น
- ทำความสะอาดไม่ถูกวิธี คือ เช็ดจากหลังไปหน้า ซึ่งจะทำให้ติดเชื้อจากอุจจาระได้ง่ายมาก
วิธีเช็ดที่ถูกต้อง คือ เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เช็ดจากอวัยวะเพศไปก้น แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้งก่อนจะใส่ผ้าอ้อม หรือ กางเกง
สาเหตุจากร่างกายมีความผิดปกติเองนั้น พบได้ร้อยละ 20-30% ส่วนสาเหตุจากการดูแลทำความสะอาดไม่ดี พบได้ถึงร้อยละ 60-70% ทีเดียว
ดังนั้น หากคุณพ่อ คุณแม่ ใส่ใจดูแล ทำความสะอาดอย่างถูกสุขลักษณะ เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อยบ่อยๆ อย่าให้เกิดความอับชื้น ก็จะเป็นการช่วยป้องกันภาวะติดเชื้อได้ทางหนึ่ง
ติดเชื้อที่ไหน เป็นโรคอะไร
สีของปัสสาวะที่เปลี่ยนไปเป็นสัญญาณบอกว่าลูกน้อยเกิดภาวะติดเชื้อ ซึ่งเกิดได้ตั้งแต่แรกเกิด เมื่อพบสัญญาณดังกล่าวคุณหมอจะนำปัสสาวะไปตรวจหาความเข้มข้นดูว่ามีโปรตีน มีน้ำตาลในปัสสาวะ หรือ ไม่ นอกจากนี้ ยังต้องนำปัสสาวะไปส่องกล้อง เพื่อเช็กดูว่ามีระดับเม็ดเลือดขาว และ เม็ดเลือดแดง เกินเกณฑ์ปกติไหม มีเชื้อแบคทีเรีย หรือ ไม่ หากพบบว่ามีเชื้อแบคทีเรีย หรือ มีระดับเม็ดเลือดขาว และ แดงเกินเกณฑ์ปกติ แสดงว่ามีภาวะติดเชื้อแล้ว ถ้าลูกมีภาวะติดเชื้อ ให้พาลูกไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดจะได้รักษาถูกต้อง
ภาวะติดเชื้อแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- ติดเชื้อที่กรวยไต ส่วนใหญ่มีอาการไข้สูง หนาวสั่น ไม่ยอมกินนม ร้องไห้งอแง ผิดปกติ โดยไม่มีอาการปัสสาวะผิดปกติใดๆ เลย ในเด็กเล็กถ้าอยู่ๆ มีอาการไข้ขึ้นสูง โดยไม่มีอาการไอ ไม่ได้เป็นหวัด ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคกรวยไตอักเสบ
- ติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ สังเกตได้ง่ายกว่าการติดเชื้อที่กรวยไต เพราะมีอาการที่แสดงให้เห็นชัดเจนมากกว่า ในเด็กเล็กเวลาปัสสาวะมักจะร้องไห้เพราะเขารู้สึกเจ็บแสบ และ ปัสสาวะมีสีขุ่น หรือ เข้มกว่าปกติ แต่ถ้าลูกพูดได้แล้ว เขาจะบอกว่าหนูปัสสาวะแล้วเจ็บ ปัสสาวะไม่สุด หรือ มีอาการปัสสาวะบ่อย กะปริดกะปรอย อาจเกิดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
หากลูกมีอาการดังกล่าว ให้รีบไปพบคุณหมอ โดยด่วนที่สุด และ ห้ามซื้อยามาให้ลูกกินเองเด็ดขาด เพราะภาวะติดเชื้อในเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่กินยาแล้วหายกลับบ้านได้ แต่ต้องกินยาตามที่คุณหมอสั่งให้ครบ และ ต้องตรวจให้ละเอียดว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคไตชนิดอื่นๆ หรือ ไม่ เพราะถ้าปล่อยไว้และมีอาการอักเสบบ่อยๆ อาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้
นอกจากนี้ยังพบอาการของการขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติในเด็กผู้หญิง และ เด็กผู้ชาย เช่น ปัสสาวะไม่พุ่ง ขาดตอน หรือ ไม่ต่อเนื่อง มีปัสสาวะหยดตามมาทีหลังจากปัสสาวะเสร็จแล้ว ปัสสาวะลำบากต้องเบ่งตลอด รวมถึงไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ทำให้เข้าห้องน้ำไม่ทันจนมีปัสสาวะเล็ด หรือ ปัสสาวะราด ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดจากความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ หรือ กล้ามเนื้อในการควบคุมการขับถ่าย หรือ เกิดจากพฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในกรณีนี้คุณพ่อ คุณแม่ สามารถฝึกฝนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่ายของลูกน้อยได้ โดนเริ่มต้นด้วยการฝึกลูกให้ขับถ่ายเป็นเวลา ซึ่งสามารถทำได้เมื่อลูกเข้าใจว่าฉี่คืออะไร ด้วยการถามว่า ปวดฉี่ไหม แล้วจึงพาไปเข้าห้องน้ำ หรือ กระโถน อาจเริ่มจากกระโถนที่มีลักษณะน่ารัก และ มีขนาดที่พอดีกับก้นของลูก หลังจากนั้นให้ชวนลูกฉี่ทุก 2-3 ชั่วโมงโดยให้นั่งเพียงชั่วครู่เท่านั้น ขั้นตอนนี้คุณพ่อ คุณแม่ ต้องใจเย็น ไม่ต้องคาดหวัง หรือ พยายามบังคับให้ลูกปัสสาวะ และ หลังจากที่ลูกขับถ่ายในกระโถนได้แล้ว ให้เปลี่ยนมาขับถ่ายในส้วมบ้าง ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่ อาจจะหาอุปกรณ์เสริมมาช่วยให้ลูกสะดวกสบายมากขึ้น และ ที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อลูกสามารถทำได้ ควรกลัวคำชมเชยเพื่อให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจ
บทความที่แล้วทางอินดี้ได้อธิบายถึง ท่านั่งแบบตัว W หรือ W Sitting ซึ่งเป็นท่านั่งที่ส่งผลร้ายกับเด็กในอนาคตมาก สามารถเข้าไปอ่านบทความได้ที่ ท่านั่ง W ของเด็ก ระวังอันตรายมาก