ประโยชน์ของวิตามินบีรวมคือ ที่เรารู้จักมักคุ้นกันในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่คุณรู้หรือไม่ว่าวิตามินบีนั้นมีอยู่หลายชนิด และต่างก็มีประโยชน์ และ ผลข้างเคียงที่ต่างกันออกไป โดยวิตามินบีแต่ละตัวจะทำงานเสริมซึ่งกัน และ กัน ต้องรับประทานร่วมกันจึงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแยกรับประทาน สำหรับชนิดต่าง ๆ ของวิตามินบีรวมนั้นก็ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 7 วิตามินบี 9 วิตามินบี 12 วิตามินบี 15 วิตามินบี 17 และ ยังรวมไปถึง ไบโอติน โคลีน พาบา อิโนซิทอล อีกด้วยที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวม
สำหรับการรับประทานวิตามินบีในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น ไม่ควรแยกรับประทานเพราะจะไม่ได้ประสิทธิภาพดีเท่าที่ควร แต่ควรรับประทานเป็นวิตามินบีรวม เพราะวิตามินบีแต่ละชนิดนั้นจะทำหน้าที่ส่งเสริมซึ่งกัน และ กัน และ จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานอย่างสูงสุด โดยวิตามินบีรวมนั้นมีความจำเป็นอย่างมากต่อระบบประสาท และ ความสมบูรณ์ของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
ประโยชน์ของวิตามินบีรวมคือ ประกอบด้วย
วิตามินบีรวมประกอบด้วยวิตามินบี 8 ชนิดดังนี้
- B-1 (วิตามินบี) วิตามินบีเป็นสารอาหารที่จำเป็นที่เนื้อเยื่อของร่างกายเพื่อให้ร่างกายได้ทำงานได้อย่างเหมาะสม วิตามินบีเป็นวิตามินบีตัวแรกที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ นี่คือเหตุผลว่าทำไมชื่อของมันจึงมีหมายเลข 1
- B-2 (ไรโบฟลาวิน) วิตามินบี2 หรือ ไรโบฟลาวินนั้นเป็นอาหารตามธรรมชาติ มันมีอยู่ในอาหารอื่น ๆ ในรูปแบบสังเคราะห์ เช่น วิตามิน B2 และ วิตามิน B อื่น ๆ วิตมินชนิดนี้ช่วยให้ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และ สนับสนุนการทำงานของเซลล์อื่น ๆ ที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย
- B-3 (ไนอาซิน) ไนอาซินเป็นหนึ่งใน 8 วิตามินบีที่ละลายน้ำได้ เป็นที่รู้จักกันว่ากรดนิโคติน, ไนอาซินาไมด์ และ นิโคติน นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการสร้าง และ ซ่อมแซม DNA และ ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
- B-5 (กรด pantothenic) วิตามินบี 5 หรือ ที่เรียกว่ากรด pantothenic เป็นหนึ่งในวิตามินที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตมนุษย์ เพราะจำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือด และ ช่วยให้คุณแปลงอาหารที่คุณกินให้เป็นพลังงาน
- B-6 (ไพริดอกซิ) วิตามินบี 6 เป็นหนึ่งในวิตามินบีที่เป็นประโยชน์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท และ สร้างไมอีลินอีกด้วย
- B-7 (ไบโอติน) ไบโอตินจะช่วยให้ผิว, ผม,ดวงตา,ตับ และ ระบบประสาทให้มีสุขภาพดีขึ้น อีกทั้งไบโอตินยังเป็นสารอาหารสำคัญที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ขาดไม่ได้ เพราะไบโอตินจะช่วยในการเจริญเติบโตของบุตรในครรภ์
- B-9 (กรดโฟลิก) วิตามินบี 9 เป็นสารอาหารที่จำเป็น และ มันทำหน้าที่ที่สำคัญมากมายในร่างกายของคุณ นั่นก็ คือ วิตามินชนิดนี้บทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตของเซลล์
- B-12 (Cobalamin) Vitamin B12 เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้เช่นเดียวกับวิตามิน B อื่น ๆ วิตามิน B12 เป็นวิตามินที่ใหญ่ที่สุด และ ซับซ้อนที่สุดในโครงสร้างของวิตามินบี วิตามิน B12 มีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง และ ระบบประสาท
ประโยชน์ของวิตามินบีรวมคือ
วิตามินบีมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพ และ ช่วยเสริมสร้าง ร่างกายที่แข็งแรง อีกทั้งวิตามินบียังสามารถช่วยในการทำงานของสมอง และ บำรุงระบบประสาท แต่วิตามินบีไม่ได้มีดีแค่นั้น ยังมีประโยชน์อีกมากมายเลยทีเดียว
- ช่วยในการการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดแดง
- ช่วยรักษาระดับพลังงานในร่างกาย
- ช่วงบำรุงสายตา ทำให้สายตาของคุณดีขึ้น
- ช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีมากขึ้น
- ช่วยรักษาสุขภาพหัวใจ และ หลอดเลือดให้แข็งแรง
- ช่วยให้ไม่อ่อนเพลียตากการนอนน้อย หรือ พักผ่อนไม่เพียงพอ
อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังขาดวิตามินบี
- ร่างกายของคุณมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง
- มีรอยแตกรอบ ๆ ปาก หรือ มีอาการปากแห้ง และ สะเก็ดที่ริมฝีปาก หากขาดมาก ๆ ก็มักจะมีอาการลิ้นบวม
- คุณจะรู้สึกหงุดหงิด หรือ ก่อให้เกิดอาการซึมเศร้ามากกว่าปกติ
- มีอาการปวดท้อง หรือ เกิดอาการท้องร่วง
- มีความรู้สึกมึนงง หรือ รู้สึกชาบริเวณฝ่าเท้า และ ฝ่ามือ
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง และ ไร้สมาธิในการทำงาน
ร่างกายต้องการวิตามินบีปริมาณเท่าไหร่ต่อวัน
ปริมาณวิตามินบีที่ผู้หญิงต้องการ
- วิตามิน B1 : 1.1 มิลลิกรัม
- วิตามิน B2 : 1.1 มิลลิกรัม
- วิตามิน B3 : 14 มิลลิกรัม
- วิตามิน B5 : 5 มิลลิกรัม
- วิตามิน B6 : 1.3 มิลลิกรัม
- ไบโอติน : 30 ไมโครกรัม
- กรดโฟลิก : 400 ไมโครกรัม
- วิตามิน B12 : 2.4 ไมโครกรัม
ปริมาณวิตามินบีที่ผู้ชายต้องการ
- วิตามิน B1 : 1.2 มิลลิกรัม
- วิตามิน B2 : 1.3 มิลลิกรัม
- วิตามิน B3 : 16 มิลลิกรัม
- วิตามิน B5 : 5 มิลลิกรัม
- วิตามิน B6 : 1.3 มิลลิกรัม
- ไบโอติน : 30 ไมโครกรัม
- กรดโฟลิก : 400 ไมโครกรัม
- วิตามิน B12 : 2.4 ไมโครกรัม
นี่คือปริมาณวิตามินบีที่ร่างกายของเราต้องการในแต่ละวัน ในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องแยกทานอาหารเสริมวิตามินบีแล้ว เพราะว่ามีวิตามินบีชนิดรวม โดยคุณสามารถทานได้วันละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้าเพราะจะช่วยให้ร่างกายเราเฟรชได้ตลอดทั้งวัน (ผู้สูงอายุ และ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์มักจะต้องการวิตามินบีในปริมาณที่สูงขึ้น ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้รับประทานวิตามินบีที่เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคล)
ประโยชน์ของวิตามินบีรวมคือ และ จำเป็นแค่ไหน
ผู้ที่จำเป็นต้องใช้วิตามินบีรวม คือ ผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินบีต่าง ๆ อาจะเป็นโรคที่ต้องได้รับวิตามินบีเสริม โดยควรที่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หรือ เภสัชกร เพราะไม่ใช่ว่าจะสามารถทานได้ทุกคน บางคนอาจมีโรคประจำตัว หรือ กำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยไม่ควรซื้อมารับประทานเองโดยไม่มีผู้เชียวชาญแนะนำ
ถึงแม้ว่าการรับประทานอาหารเสริมวิตามินบีรวมจะเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย แต่สิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ก็คือการเลือกประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
วิตามินบีรวม ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
โดยปกติแล้ว วิตามินบีที่ร่างกายได้รับจากอาหาร หรือ วิตามินบีรวมที่มีแพทย์ หรือ เภสัชกรเป็นผู้สั่งจ่ายมักมีความปลอดภัย สำหรับผู้ที่ซื้อวิตามินมารับประทานเองควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ และ เภสัชกร โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะบางผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายนั้นอาจมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ผลข้างเคียงของการใช้วิตามินบีรวมที่พบได้ทั่วไป คือ ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม และ สว่างขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการขับวิตามินส่วนเกินออก แต่ไม่ใช่ผลเคียงที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ การบริโภควิตามินบีมากเกินความจำเป็นก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาเจียน ผื่นขึ้น เวียนศีรษะ หรือ ตับอักเสบ เป็นต้น จึงควรใช้ในปริมาณที่แพทย์ หรือ เภสัชกรกำหนดเท่านั้น รวมถึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ และ ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม การใช้วิตามินเป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีที่จะช่วยบำรุงร่างกาย และ ไม่สามารถใช้เป็นการรักษาหลัก หรือ ป้องกันโรคได้ ดังนั้น หากมีโรคประจำตัวควรใช้วิตามินดังกล่าวหลังจากปรึกษาแพทย์ และ เภสัชกรแล้ว รวมทั้งดูแลตนเองในรูปแบบอื่น เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง และ ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และ งดสูบบุหรี่ เป็นต้น
วิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคหวัด หรือ โรคภูมิแพ้ได้ด้วย หากกินตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัช โดยอาหารเสริมวิตามมินซี สามารถช่วยลดอาการหวัด หรือ ภูมิแพ้ได้ สามารถอ่านเพิ่มได้ที่ วิตามินซี แก้หวัด ภูมิแพ้